เรื่องพระอานนทเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในปราสาทของอุบาสิกาชื่อวิคารมารดา ทรงปรารภพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ เป็นต้น
ในวันมหาปวารณา เป็นวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ครบถ้วน ทรงถือถือสิ่งของทั้งหลายมีหองหอมเป็นต้น ได้เสด็จไปยังวัดพระเวฬุวัน ในขณะเดียวกันนั้น พระกาฬุทายี ก็นั่งเข้าฌานอยู่ที่ท้ายพุทธบริษัท มีร่างกายเปล่งปลั่งดั่งทองคำ ในท่ามกลางของแสงจันทร์
พระอานนทเถระ แลดูรัศมีของดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังอัสดงคต และของดวงจันทร์ซึ่งกำลังขึ้น แล้วมองดูพระสรีโรภาสของพระราชา สรีโรภาสของพระอุทายีเถระ และพระสรีโรภาสของพระศาสดา เห็นว่า พระศาสดามีความไพโรจน์เกินรัศมีทั้งปวง จึงถวายบังคมพระศาสดาแล้ว กราบทูลว่า “ พระเจ้าข้า ในวันนี้ เมื่อข้าพระองค์ แลดูรัศมีเหล่านี้แล้ว พระรัศมีของพระองค์เท่านั้นที่ข้าพระองค์ชอบใจ เพราะว่า พระสรีระของพระองค์ ย่อมไพโรจน์ล่วงรัศมีทั้งปวง” พระศาสดาตรัสตอบว่า “ อานนท์ ธรรมดาพระอาทิตย์ ย่อมรุ่งเรืองในกลางวัน พระจันทร์ ย่อมรุ่งเรืองในกลางคืน พระราชา ย่อมรุ่งเรืองในเวลาประดับเท่านั้น พระขีณาสพ(ผู้สิ้นกิเลส) ละความระคนด้วยหมู่แล้ว ย่อมรุ่งเรืองในภายในสมาบัติเท่านั้น ส่วนพระพุทธเจ้า ย่อมรุ่งเรืองด้วยเดช 5 อย่าง ทั้งในกลางคืนทั้งในกลางวัน”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ
รตฺติมาภาติ จนฺทิมา
สนฺนทฺโธ ขตฺติโย ตปติ
ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณ
อถ สพฺพมโหรตฺตึ
พุทฺโธ ตปติ เตชสา ฯ
พระอาทิตย์ ย่อมส่องแสงในกลางวัน
พระจันทร์ ย่อมรุ่งเรืองในกลางคืน
กษัตริย์ ทรงเครื่องรบแล้ว ย่อมรุ่งเรือง
พราหมณ์ผู้มีความเพ่ง ย่อมรุ่งเรือง
ส่วนพระพุทธเจ้า ย่อมรุ่งเรืองด้วยเดช
ตลอดกลางวันและกลางคืน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments