KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 15, 2017

๙.เรื่องนายสุมนมาลาการ

Posted by   on Pinterest

เรื่องนายสุมนมาลาการ



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน  ทรงปรารภนายมาลาการชื่อสุมนะ  ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 68 นี้
นายมาลาการชื่อสุมนะ นำดอกมะลิไปทูลเกล้าถวายพระเจ้าพิมพิสารในทุกเช้า  วันหนึ่งขณะนายสุมนมาลาการกำลังจะเข้าไปถวายดอกมะลิในพระราชวังนั้น  ก็ได้เห็นพระศาสดา มีภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่แวดล้อม  ทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสี  เสด็จเข้าไปบิณฑบาต   เขาเห็นพระศาสดาแล้วเกิดศรัทธา มีความต้องการจะนำดอกไม้ที่นำมาทูลเกล้าถวายพระราชาทูลถวายพระศาสดา  เขาได้ตกลงใจว่า แม้ว่าพระราชาจะฆ่าเขาหรือว่าจะขับไล่เขาออกจากแว่นแคว้น เขาก็จะไม่นำดอกมะลิไปทูลเกล้าถวายพระราชา เมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็ได้ซัดดอกมะลิไปที่เบื้องบนพระเศียร ที่เบื้องหลัง ที่ทั้งสองข้างของพระศาสดา ดอกมะลิที่ซัดขึ้นไปนั้นล่องลอยอยู่ในอากาศ  ดอกที่อยู่เหนือพระเศียรได้รวมตัวกันเป็นเพดาน ส่วนดอกมะลิที่ซัดไปทางสองข้างของพระศาสดาได้รวมตัวกันเป็นกำแพงดอกไม้ ดอกมะลิเหล่านี้ติดตามพระศาสดาในทุกที่ที่เสด็จไป และหยุดเมื่อพระศาสดาทรงหยุดประทับยืน  ขณะที่พระศาสดาเสด็จโดยมีดอกมะลิลอยเคลื่อนไหวติดตามไป มีพระฉัพพรรณรังสีเรืองรองสวยงามงาฉายออกมา และติดตามด้วยพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากนั้น ประชาชนเป็นจำนวนมากมายทั้งในเมืองและนอกเมืองราชคฤห์ ก็ได้ออกมาจากบ้านมาถวายบังคมพระศาสดา  นายสุมนมาลาการเห็นเช่นนั้นก็เกิดปีติปราโมทย์อย่างล้นพ้น

ข้างภรรยาของนายสุมนมาลาการ ได้เข้าไปเฝ้าพระราชากราบทูลว่า นางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสามีของนางซึ่งไม่ยอมนำดอกไม้มาทูลเกล้าถวายพระองค์แต่กลับนำไปบูชาพระศาสดาแล้ว และว่า “กรรมที่เขากระทำ จะเป็นกรรมดีก็ตาม  จะเป็นกรรมชั่วก็ตาม  กรรมนั้นจงเป็นของเขาผู้เดียว ขอเดชะ พระองค์จงทราบความที่เขาอันหม่อมฉันทิ้งแล้ว”  พระราชา(พระเจ้าพิมพิสาร)ซึ่งพระองค์ก็เป็นพระโสดาปัน ทรงปลื้มพระทัยเมื่อทรงสดับเรื่องนายมาลากานำดอกไม้บูชาพระศาสดา  พระองค์ได้เสด็จออกมาทอดพระเนตรภาพมหัศจรรย์พันลึกนั้น  และได้ถวายบังคมพระศาสดา พระราชาได้ทรงถือโอกาสนี้ถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระศาสดาและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย  หลังจากเสร็จภัตตกิจแล้ว พระศาสดาพร้อมด้ยภิกษุสงฆ์ได้เสด็จกลับวัดพระเชตวัน และราชาก็ได้ตามส่งเสด็จพระศาสดาแล้วเสด็จกลับพระราชวัง จากนั้นมีรับสั่งให้ไปนำตัวนายสุมนมาลาการเข้าเฝ้าแล้วพระราชทาน ช้าง 8 ตัว ม้า 8 ตัว ทาสชาย 8 คน ทาสหญิง 8 คน เครื่องประดับใหญ่ 8 อย่าง  เงิน 8 พันกหาปณะ นารี 8 นาง และบ้านส่วย 8 ตำบล

ที่วัดพระเชตวัน พระอานนทเถระได้ทูลถามพระศาสดาว่า  นายสุมนมาลาการจะได้วิบากผลจากการกระทำกรรมดีในวันนี้อย่างไรบ้าง  พระศาสดาตรัสตอบว่า นายสุมนมาลาการได้บูชาพระองค์โดยไม่เยื่อใยในชีวิตเช่นนี้ “จักดำรงอยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  จักไม่ไปสู่ทุคติ  ตลอดแสนกัป  นี่เป็นผลแห่งกรรมนั้น  ภายหลังเขาจักเป็นพระปัจเจกพุทธะ นามว่าสุมนะ” หลังจากที่พระศาสดาเสด็จถึงพระเชตวัน เข้าสู่พระคันธกุฎี  ดอกมะลิเหล่านั้นตกลงที่ซุ้มพระทวาร

ในเวลาเย็น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันถึงการการกระทำอันยิ่งใหญ่และอาจหาญของนายสุมนมาลาการ และผลทันตาเห็นของการกระทำนั้น พระศาสดาเสด็จมาตรัสกับภิกษุเหล่านั้นว่า “อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย ความเดือดร้อนในภายหลังย่อมไม่มี  มีแต่โสมนัสเกิดขึ้น เมื่อระลึกถึง เพราะการกระทำกรรมใด กรรมนั้นอันบุคคลควรทำ”

ในคืนนั้น เมื่อแสดงธรรม พระศาสดาได้เชื่อมโยงเรื่อง  ตรัสพระธรรมบท  พระคาถาที่ 68 ว่า

ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ
ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
ยสฺส ปตีโต สุมโน

วิปากํ ปฏิเสวติฯ
บุคคลทำกรรมใดแล้ว
ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง
เป็นผู้เอิบอิ่ม มีใจดี
ย่อมเสวยผลของกรรมใด
กรรมนั้นแล อันบุคคลทำแล้ว เป็นกรรมดี.

เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง  การตรัสรู้ธรรม ได้ลังเกิดแก่สัตว์ 8 หมื่น 4 พัน.

No comments:
Write comments