KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 18, 2017

๘.เรื่องนางจูฬสุภัททา

Posted by   on Pinterest

เรื่องนางจูฬสุภัททา



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภธิดาของอถาถบิณฑิกเศรษฐี  ชื่อจูฬสุภัททา  ตรัสสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ทูเร  สนฺโต  ปกาเสนฺติ  เป็นต้น

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี  และอุคคเศรษฐีแห่งอุคคนคร  เป็นสหายกัน  และเคยไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักของอาจารย์คนเดียวกัน   อุคคเศรษฐ๊มีบุตรชายในขณะที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีมีบุตรสาว  เมื่อบุตรสาวและบตรชายของสองเศรษฐีเติบโตเป็นสาวเป็นหนุ่มกันแล้ว   อุคคเศรษฐีก็ได้สู่ขอบุตรสาวของนาถบิณฑิกเศรษฐีมาแต่งงานกับบุตรชายของตน   เมื่อจัดงานแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว  บุตรสาวของอนาถบิณฑิกเศรษฐี  คือ  นางจูฬสุภัททา  นี้จำต้องไปอยู่ที่บ้านของบิดามารดาของฝ่ายสามีในอุคคนคร   อุคคเศรษฐีนับถือศาสนาของท่านนิครนถนาฏบุตรที่ จึงบางครั้งได้นิมนต์พวกอเจลกะ(ชีเปลือย)  มาที่บ้าน   และได้บังคับให้นางจูฬสุภัททาเข้าไปทำความเคารพแต่นางปฏิเสธ   นางได้เรียนมารดาของสามีว่า นางนับถือพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกของพระองค์  และนางได้พรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าว่า

“ท่านมีอินทรีย์สงบ  มีใจสงบ  ท่านเดินยืนเรียบร้อย  มีจักษุทอดลง  พูดพอประมาณ  พวกสมณะของฉัน  เป็นเช่นนั้น.  กายกรรมของท่านสะอาด  วจีกรรมไม่มัวหมอง  มโนกรรมหมดจดดี  พวกสมณะของฉัน  เป็นเช่นนั้น.  ท่านไม่มีมลทินมีรัศมีดุจสังข์และมุกดา  บริสุทธิ์ทั้งภายใน  ภายนอก  เต็มแล้วด้วยธรรมอันหมดจดทั้งหลาย  พวกสมณะของฉันเป็นเช่นนั้น.  โลกฟูขึ้นเพราะลาภ  และฟุบลงเพราะเสื่อมลาภ  ท่านผู้ตั้งอยู่อย่างเดียวเพราะลาภและเสื่อมลาภ  พวกสมณะของฉันเป็นเช่นนั้น.  โลกฟูขึ้นเพราะยศและฟุบลงเพราะเสื่อมยศ  ท่านผ็ตั้งอยู่อย่างเดียวเพราะยศและเสื่อมยศ  พวกสมณะของฉัน  เป็นเช่นนั้น.  โลกฟูขึ้นเพราะสรรเสริญ  และฟุบลงแม้เพราะนินทา   ท่านผู้สม่ำเสมอในเพราะนินทาและสรรเสริญ  พวกสมณะของฉัน  เป็นเช่นนั้น.  โลกฟูขึ้นเพราะสุข  และฟุบลงแม้เพราะทุกข์  ท่านไม่หวั่นไหวในเพราะสุขและทุกข์  พวกสมณะของฉันเป็นเช่นนั้น”

เมื่อภรรยาของอุคคเศรษฐีได้ฟังคำพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าเช่นนั้นแล้ว  ก็มีความกระตือรือร้นจะได้พบ นางยินยอมให้นางจูฬสุภัททาอาราธนาพระศาสดาและพระสงฆ์สาวกมาที่บ้านของนางได้   นางจูฬสุภัททาจึงได้ขึ้นไปยืนอยู่บนปราสาทชั้นบน หันหน้าตรงไปทางวัดพระเชตวัน  ไหว้โดยเคารพด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้ว  ระลึกถึงพระพุทธคุณทั้งหลาย  ทำการบูชาด้วยของหอม  เครื่องอบ  ดอกไม้และธูป  กล่าวอัญเชิญว่า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ   ข้าพเจ้านิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข  เพื่อฉันเช้าในวันพรุ่งนี้  ด้วยสัญญาณของข้าพเจ้า   ขอพระศาสดาจงทราบว่าเป็นผู้อันข้าพเจ้านิมนต์แล้ว”  ว่าดังนี้แล้ว  ก็โยนดอกมะลิ 8  กำ ไปในอากาศ

ดอกมะลิ 8 กำนั้นก็ได้ลอยผ่านอากาศไปที่วัดพระเชตวันและไปหยุดอยู่เบื้องบนพระศาสดา  ขณะทรงแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัท 4

เมื่อการแสดงพระธรรมเทศนาจบลง   ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี  บิดาของนางจูฬสุภัททา   เข้าไปทูลอาราธนาพระศาสดา  เพื่อเสด็จรับอาหารบิณฑบาตที่บ้านของท่านเศรษฐีในวันรุ่งขึ้น   แต่พระศาสดาไม่ทรงรับคำอาราธนานั้น   ด้วยตรัสว่า  พระองค์ได้รับคำอาราธนาของนางจูฬสุภัททาไว้แล้ว

อนาถบิณฑิกเศรษฐีมีความแปลกใจในพระดำรัสของพระศาสดา  จึงกราบทูลถามว่า “นางสุภัททา  อยู่ในที่ไกลในที่สุดประมาณ 120  โยชน์  แต่ที่นี้มิใช่หรือ  ? (จะมาอาราธนาพระองค์ได้อย่างไร)พระเจ้าข้า)”

พระศาสดาตรัสว่า  “เป็นความจริง  คฤหบดี!   ก็สัตบุรุษทั้งหลาย  แม้อยู่ในที่ไกล  ย่อมปรากฏเหมือนยืนอยู่เฉพาะหน้า”

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

ทูเร  สนฺโต  ปกาเสนฺติ
หิมวนฺโตว  ปพพโต
อสนฺเตตฺถ  น  ทสฺสนฺติ
รตตึ  ขิตฺตา  ยถา  สรา ฯ

สัตบุรุษย่อมปรากฏในที่ไกล
เหมือนภูเขาหิมพานต์
ส่วนอสัตบุรุษ  ย่อมไม่ปรากฏในที่นี้
เหมือนลูกศรอันเขาซัด(ยิง)ไปในราตรี  ฉะนั้น.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอรยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตตผลเป็นต้น.

พอในวันรุ่งขึ้น  พระศาสดาก็ได้เสด็จไปที่บ้านของอุคคเศรษฐี บิดาของสามีของนางจูฬภัททา  ในการเสด็จครั้งนี้พระศาสดาและภิกษุสงฆ์ประทับในเรือนยอด 500 หลัง  ที่วิสกรรมเทพบุตรเนรมิต ตามเทวบัญชาของท้าวสักกเทวราช   ล่องลอยไปทางอากาศสู่จุดหมายปลายทาง   เมื่อบิดามารดาของสามีของนางจูฬสุภัททาแลเห็นความตระการตาของขบวนเสด็จของพระศาสดา  ก็เกิดเกิดความประทับใจและเข้าไปถวายบังคม  และถวายภัตตาหารแด่พระศาสดาและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย    ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 7  วัน

No comments:
Write comments