KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 15, 2017

๘.เรื่องชาวนา

Posted by   on Pinterest

เรื่องชาวนา



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภชาวนาคนหนึ่ง  ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 67 นี้

วันหนึ่ง มีโจรจำนวนหนึ่งขโมยเงินและทองเป็นจำนวนมากจากบ้านของคนรวยคนหนึ่ง แล้วหนีมาแบ่งทรัพย์ที่ขโมยมาในนาของชายผู้หนึ่ง แต่บังเอิญถุงบรรจุทรัพย์ประมาณหนึ่งพันกหาปณะของโจรผู้หนึ่งเกิดหล่นอยู่ในนานั้นโดยที่โจรไม่ทันสังเกต

ในเช้าวันรุ่งขึ้น พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพระญาณพิเศษ ทอดพระเนตรเห็นชาวนาซึ่งกำลังไถนามาปรากฏอยู่ในข่ายคือพระญาณ  และพระองค์ทรงทราบว่า ชาวนาผู้นี้จะได้สำเร็จพระโสดาปัตติผลในวันนั้น จึงได้เสด็จไป ณ ที่นั้น โดยมีพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ(ผู้ติดตาม)  ชาวนาเห็นพระศาสดาแล้ว ได้เข้าไปถวายบังคมแล้วไปไถนาต่อ พระศาสดาไม่ตรัสอะไรๆกับชาวนา เสด็จตรงไปยังที่ที่ถุงบรรจุทรัพย์หนึ่งพันกหาปณะตกอยู่  ทอดพระเนตรเห็นถุงนั้นแล้ว จึงตรัสกะพระอานนทเถระว่า  “อานนท์  เธอเห็นไหม  อสรพิษ” พระอานนทเถระทูลว่า “เห็น พระเจ้าข้า  อสรพิษร้าย”  จากนั้นพระศาสดาและพระอานนทเถระก็ได้เสด็จหลีกไปจากที่นั้น  ชาวนาได้ยินถ้อยคำนั้นแล้ว ก็ได้เดินไปตรงจุดนั้นโดยเข้าใจว่าจะต้องมีอสรพิษอยู่ที่นั่นจริงๆ  แต่แทนที่จะพบอสรพิษกลับพบถุงทรัพย์ เขาจึงนำถุงทรัพย์ไปซ่อนไว้  พวกเจ้าของทรัพย์แกะรอยตามโจรมาถึงนาของชาวนาผู้นั้น และได้พบทรัพย์ที่ถูกซ่อนไว้นั้น  จึงได้ทุบตีชาวนาแล้วนำตัวไปเฝ้าพระราชา   พระราชามีรับสั่งให้นำตัวเขาไปประหารชีวิต  เมื่อชาวนานั้นถูกนำตัวไปที่หลักประหารนั้น  เขาได้แต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ เห็นไหม อานนท์ อสรพิษ  เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย” เมื่อราชบุรุษได้ยินคำพูดซ้ำๆของชาวนานี้แล้ว  ก็เกิดความสงสัยเลยนำตัวไปเข้าเฝ้าพระราชา  พระราชาทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า ชาวนาคงอ้างพระศาสดาเป็นพยาน จึงได้นำตัวชาวนาไปเข้าเฝ้าพระศาสดา  หลังจากที่ได้สดับเรื่องที่พระศาสดาทรงเล่าในเช้าวันนั้นแล้ว พระราชาได้ทูลพระศาสดาว่า “พระเจ้าข้า ถ้าชายผู้นี้ไม่อ้างพระองค์เป็นพยาน เขาก็จะต้องถูกฆ่าแน่ๆ” พระศาสดาจึงตรัสตอบว่า “ผู้ฉลาดไม่พึงทำกรรมที่จะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลัง”

จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 67 ว่า

น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ
ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ
วิปากํ ปฏิเสวติฯ

ทำกรรมใดแล้ว เดือดร้อนในภายหลัง
ร้องไห้น้ำตานองหน้า
เสวยวิบากของกรรมใด
กรรมนั้นทำแล้ว ไม่ดีเลย.

เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง  อุบาสกชาวนา  ได้บรรลุพระโสดาปัตติผล  ส่วนภิกษุผู้มาประชุมกันเป็นอันมาก  ก็บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย  มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.

No comments:
Write comments