เรื่องสาวกเดียรถีย์
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกสาวกเดียรถีย์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อวชฺเช เป็นต้น
พวกสาวกของอัญญเดียรถีย์ (คนศาสนาอื่น) ไม่ต้องการให้ลูกของพวกตนไปมั่วสุมกับลูกสาวกของพระพุทธเจ้า พวกเขาได้พร่ำสอนลูกทั้งหลายว่า “สมณะพวกศากยบุตร พวกเจ้าไม่พึงไหว้ แม้วิหารของสมณะเหล่านั้น พวกเจ้าก็ไม่พึงเข้าไป” วันหนึ่ง ขณะที่ลูกของอัญญเดียรถีย์เหล่านั้นกำลังเล่นอยู่กับลูกของชาวพุทธอยู่นั้น ก็เกิดหิวน้ำขึ้นมา ด้วยเหตุที่ลูกของอัญญเดียรถีย์ถูกพร่ำสอนไม่ให้เข้าไปในวัดของชาวพุทธ พวกเขาจึงขอร้องให้เด็กชาวพุทธคนหนึ่งไปนำน้ำมาให้พวกเขาดื่ม เด็กชาวพุทธคนนั้นก็ได้เข้าไปถวายบังคมพระศาสดาและกราบทูลขอน้ำจะเอาไปให้พวกลูกอัญญเดียรถีย์ดื่ม โดยได้กราบทูลเหตุผลว่า เด็กเหล่านั้นมารดาบิดาห้ามเข้ามาในวัดพระเชตวัน พระศาสดาตรัสว่า “เจ้าดื่มน้ำนี้เสียก่อน แล้วกลับไปบอกให้พวกเด็กเหล่านั้นมาดื่มน้ำที่นี่” เมื่อเด็กเหล่านั้นมาดื่มน้ำแล้ว พระศาสดาได้ตรัสธรรมกถาที่เหมาะกับนิสัยของพวกเขา ทำให้พวกเขามีศรัทธาในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และทรงให้รับศีล เมื่อเด็กพวกนี้กลับไปบ้าน ก็ได้บอกบิดามารดาของพวกตนว่าได้ไปพบพระศาสดาในวัดพระเชตวันมา และพระศาสดาได้ประทานพระรัตนตรัยและศีลเสียอีกด้วย มารดาบิดาของพวกเด็กเหล่านั้น ต่างเดือดเนื้อร้อนใจ ร้องไห้ฟูมฟายน้ำตา ว่า “ลูกของพวกเรา กลายเป็นคนมีทิฏฐิวิบัติเสียแล้ว” พวกเพื่อนบ้านได้มาพูดปลอบใจ ให้หยุดร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ และแนะนำให้พาเด็กเหล่านั้นไปวัดพระเชตวัน เพื่อมอบตัวแด่พระศาสดา เมื่อเด็กเหล่านั้นมาพร้อมหน้าพร้อมตาพร้อมด้วยมารดาบิดาของพวกเขาแล้ว พระศาสดาทรงตรวจดูอุปนิสัยความสามารถที่จะบรรลุธรรมของพวกเด็กนั้น ก็ได้แสดงธรรม ด้วยการตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
อวชฺเช วชฺชมติโน
วชฺเช อวชฺชทสฺสิโน
มิจฺฉาทิฏฐิสมาทานา
สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคตึ ฯ
วชฺชญฺจ วชฺชโต ญตฺวา
อวชฺชญฺจ อวชฺชโต
สมฺมาทิฏฺฐิสมาทานา
สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ ฯ
สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีความรู้ว่ามีโทษในธรรมที่หาโทษมิได้
มีปกติเห็นว่าหาโทษมิได้ในธรรมที่มีโทษ
เป็นผู้ถือด้วยดีซึ่งมิจฉาทิฏฐิ ย่อมไปสู่ทุคติ.
สัตว์ทั้งหลาย รู้ธรรมที่มีโทษโดยความเป็นธรรมมีโทษ
รู้ธรรมที่หาโทษมิได้ โดยความเป็นธรรมหาโทษมิได้
เป็นผู้ถือด้วยดีซึ่งสัมมาทิฏฐิ
ย่อมไปสู่สุคติ.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง คนเหล่านั้นทั้งหมด ดำรงอยู่ในสรณะ 3 แล้ว ฟังธรรมอื่นๆอีกอยู่ ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล.
No comments:
Write comments