เรื่องมาร
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมาร ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า นิฏฺฐํ คโต เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง มีภิกษุจำนวนมากเดินทางมาที่วัดพระเชตวัน จึงไล่ให้พระราหุลเถระให้ลุกขึ้น ท่านไม่เห็นที่จะไปนอนในที่อื่น จึงได้ไปนอนที่หน้ามุขพระคันธกุฏีของพระศาสดา ในตอนนั้นท่านพระราหุลเถระสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว มารชื่อวสวัดดี ต้องการจะสร้างความกังวลพระทัยให้กับพระศาสดาโดยกลั่นแกล้งพระราหุลเถระผู้โอรส จึงได้แปลงร่างเป็นช้างใหญ่เอางวงรัดที่ศีรษะของพระเถระ แล้วส่งเสียงร้องเพื่อให้ตกใจกลัว พระศาสดาบรรทมในพระคันธกุฎี ทรงทราบว่าช้างนั้นเป็นมาร จึงตรัสว่า “ มาร คนเช่นท่านแม้ตั้งแสน ก็ไม่สามารถเพื่อจะให้ความกลัวเกิดแก่บุตรของเราได้ เพราะว่า บุตรของเรามีปกติไม่สะดุ้ง มีตัณหาไปปราศแล้ว มีความเพียรใหญ่ มีปัญญามาก”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท สองพระคาถานี้ว่า
นิฏฺฐํ คโต อสนฺตตาสี
วีตตณฺโห อนงฺคโณ
อจฺฉินฺทิ ภวสลฺสานิ
อนฺติโมยํ สมุสฺสโย ฯ
วีตตณฺโห อนาทาโน
นิรุตฺติปทโกวิโท
อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ
ชญฺญา ปุพฺพาปรานิ จ
ส เว อนฺติมสารีโร มหาปญฺโญ
(มหาปุริโสติ) วุจฺจติฯ
ผู้ใด ถึงความสำเร็จ มีปกติไม่สะดุ้ง
มีตัณหาไปปราศจากแล้ว
ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวนใจ
ได้ตัดลูกศรอันให้ไปสู่ภพทั้งหลายเสียแล้ว
กายนี้ของผู้นั้น ชื่อว่ามีในที่สุด ผู้ใดมีตัณหาไปปราศแล้ว
ไม่มีความถือมั่น ฉลาดในบทแห่งนิรุตติ
รู้ที่ประชุมแห่งอักษรทั้งหลาย
และรู้เบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งอักษรทั้งหลาย
ผู้นั้นแล มีสรีระมีในที่สุด เราย่อมเรียกว่าผู้มีปัญญามาก(เป็นมหาบุรุษ)”
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ฝ่ายมารผู้มีบาป คิดว่า “พระสมณโคดม ย่อมทรงรู้ว่าเป็นเรา” แล้วอันตรธานไปจากที่นั้น.
No comments:
Write comments