เรื่องสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับในพระเชตวัน ทรงปรารภสัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อุจฺฉินฺท เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มบุตรนายช่างทองผู้หนึ่ง เป็นหนุ่มรูปหล่อ ได้รับการอุปสมบทเป็นภิกษุ โดยมีพระสารีบุตรเถระเป็นพระอุปัชฌายะ พระสารีบุตรเถระได้มอบหัวข้อพระกัมมัฏฐานซึ่งมีการพิจารณาสิ่งไม่งามเป็นอารมณ์(อสุภกัมมัฏฐาน) ให้พระรูปนี้ไปปฏิบัติ หลังจากรับหัวข้อพระกัมมัฏฐานนี้จากพระอุปัชฌายะแล้ว พระหนุ่มรูปนี้ก็ได้เข้าไปปฏิบัติพระกัมมัฏฐานอยู่ในป่า แต่ก็มีความก้าวหน้าในพระกัมมัฏฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงกลับไปหาพระสารีบุตรเถระเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม แต่เมื่อนำไปปฏิบัติ ก็ยังไม่มีความก้าวหน้าเหมือนเดิม คราวนี้พระสารีบุตรเถระได้พาภิกษุนั้นเข้าไปเฝ้าพระศาสดา และกราบทูลเรื่องราวต่างๆให้พระศาสดาได้ทรงทราบ
พระศาสดา ทรงทราบว่า พระหนุ่มนี้เป็นบุตรของนายช่างทอง และทรงทราบด้วยญาณพิเศษด้วยว่า ภิกษุนี้เคยเกิดในตระกูลช่างทองมาแล้ว 500 ชาติ จึงได้ทรงเปลี่ยนหัวข้อพระกัมมัฏฐานให้พระรูปนี้เสียใหม่ คือจากเดิมให้พิจารณาสิ่งที่ไม่งาม ก็ให้มาพิจารณาในสิ่งที่งาม โดยพระองค์ได้ทรงใช้พระฤทธิ์เนรมิตดอกบัวซึงมีขนาดใหญ่เท่าล้อเกวียน แล้วให้นำดอกบัวนี้ไปปักไว้ที่กองทรายข้างนอกวัด ให้นั่งขัดสมาธิหันหน้าไปทางดอกบัว แล้วทำบริกรรมว่า “โลหิตกํ โลหิตกํ(สีแดง สีแดง) เมื่อภิกษุหนุ่มเพ่งพินิจดอกบัวใหญ่มีสีแดงสวยและมีกลิ่นหอม และบริกรรมอย่างนั้น ก็สามารถขจัดนิวรณ์เครื่องขวางกั้นทั้งหลาย เกิดความปีติอิ่มเอิบใจ จนถึงขั้นบรรลุฌานที่ 4(จตุตถฌาน)
พระศาสดา ประทับในพระคันธกุฎี ทอดพระเนตรเห็นด้วยญาณพิเศษ จึงใช้อำนาจฤทธิ์เนรมิตให้ดอกบัวนั้นเหี่ยวแห้งอย่างฉับพลัน เมื่อภิกษุหนุ่มเห็นดอกบัวเหี่ยวและเปลี่ยนสีเป็นสีดำเช่นนั้น ก็ได้รับรู้ถึงความไม่เที่ยงของดอกบัวและของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง และก็นำไปสู่การรู้แจ้งเห็นจริงในความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่มีตัวตนของสังขารทั้งหลาย
เมื่อถึงตอนนี้ พระศาสดาประทับที่พระคันธกุฎี ทรงเปล่งพระรัศมีไปปรากฏอยู่เฉพาะหน้าของภิกษุนั้น แล้วตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
อุจฺฉินท สิเนหมตฺตโน
กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา
สนฺติมคฺคเมว พฺรูหเย
นิพฺพานํ สุคเตน เทสิตํ ฯ
เธอจงตัดความเยื่อใยของตนเสีย
เหมือนบุคคลถอนดอกโกมุทที่เกิดในสารทกาลด้วยมือ
จงเจริญทางแห่งสันติทีเดียว
เพราะพระนิพพาน อันพระสุคตแสดงแล้ว.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง พระภิกษุหนุ่มรูปนั้น ได้บรรลุอรหัตตผล.
No comments:
Write comments