เรื่องพระเถระแก่
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระภิกษุแก่หลายรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า วนํ ฉินฺทถ เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง ในกรุงสาวัตถี มีชายชราฐานะดีหลายคน ออกบวชเป็นพระภิกษุ พระภิกษุชราเหล่านี้ ไม่สามารถเล่าเรียนได้ เพราะความเป็นคนแก่ จึงให้คนสร้างบรรณศาลาไว้ที่หลังวัด แม้ในเวลา ออกไปบิณฑบาตก็จะไปที่บ้านของบุตรและภรรยาของตน ในหมู่อดีตภรรยาของพระภิกษุแก่เหล่านี้ มีนางหนึ่งชื่อว่า มธุรปาณิกา เป็นผู้ทำอาหารเก่งมาก นางจะคอยดูแลพระแก่เหล่านี้ทุกรูป พระแก่เหล่านี้เมื่อได้อาหารจากการบิณฑบาตมาแล้วก็จะไปนั่งฉันอยู่ที่บ้านของนาง อยู่มาวันหนึ่ง นางมธุปาณิกาล้มป่วยและได้เสียชีวิตอย่างฉับพลัน ภิกษุแก่เหล่านี้มีความเศร้าโศกร้องไห้รำพึงรำพันถึงนางผู้มีฝีมือในการทำอาหารอร่อย
พระศาสดา เมื่อทรงทราบเรื่องนี้ จากการสนทนาของภิกษุทั้งหลาย ได้ตรัสว่า เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตเหมือนกัน และได้นำเรื่องกากชาดกมาตรัสเล่า แล้วตรัสกับภิกษุชราเหล่านี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธออาศัยป่า คือ ราคะ โทสะ และโมหะ จึงถึงทุกข์นี้ พวกเธอควรตัดป่านั้นเสีย พวกเธอจักเป็นผู้หมดทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนั้น”
จากนั้น พระศาสดาจึงตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
วนํ ฉินฺทถ มา รุกฺขํ
วนโต ชายตี ภยํ
เฉตฺวา วนญฺจ วนฏฺฐญฺจ
นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว ฯ
ท่านทั้งหลาย จงตัดกิเลสดุจป่า
อย่าตัดต้นไม้
ภัยย่อมเกิดแต่กิเลสดุจป่า
ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย จงตัดกิเลสดุจป่า และดุจหมู่ไม้ตั้งอยู่ในป่าแล้ว
เป็นผู้ไม่มีกิเลสดุจป่า.
ยาวฺญฺหิ วนฏฺโฐ นะ ฉิชฺชติ
อณุมตฺโตปิ นรสฺส นาริสุ
ปฏิพทฺธมโนว ตาว โส
วจฺโฉ ขีรปโกว มาตริ ฯ
เพราะกิเลสดุจหมู่บ้านตั้งอยู่ในป่า
ถึงมีประมาณนิดหน่อยของนรชน
ยังไม่ขาดในนารีทั้งหลายเพียงใด
เขาเป็นเหมือนลูกโคที่ยังดื่มน้ำนม
มีใจปฏิพัทธ์ในมารดาเพียงนั้น.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง พระเถระแก่เหล่านั้น ได้บรรลุโสดาปัตติผล พระธรรมเทศนา มีประโยชน์แม้แก่ชนที่มาประชุมกัน.
No comments:
Write comments