เรื่องมารดาของนางกาณา
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมารดาของนางกาณา ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 82 นี้
นางกาณามาตา เป็นอุบาสิกาในพระพุทธศาสนา นางมีบุตรสาวชื่อนางกาณา ได้แต่งงานกับชายต่างตำบลผู้หนึ่ง ขณะที่นางกาณากลับมาเยี่ยมมารดาเป็นระยะเวลาสั้นๆนั้น สามีของนางก็ได้ส่งข่าวมาให้นางรีบกลับบ้าน มารดาได้บอกให้นางกาณาคอยอยู่ก่อน เพราะนางต้องการจะทำขนมฝากไปให้บุตรเขยได้รับประทาน พอวันรุ่งขึ้นเมื่อนางกาณามาตาทำขนมไว้ ก็ได้มีภิกษุ 4 รูปมาบิณฑบาต นางจึงได้นำขนมนั้นใส่บาตร และก็เป็นอย่างนี้ติดต่อกันถึง 4 วัน ทำให้ไม่มีขนมและนางกาณาก็เดินทางกลับบ้านสามีไม่ได้
ข้างสามีของนางกาณา เมื่อภรรยาไม่กลับมาตามกำหนด ก็ได้ยื่นคำขาดว่า หากนางกาณาไม่กลับในวันรุ่งขึ้นเขาก็จะนำหญิงอื่นมาเป็นภรรยา และพอถึงกำหนดคำขาดเมื่อนางกาณาไม่กลับเขาก็ไปนำหญิงอื่นมาเป็นภรรยาจริงๆ นางกาณามีความแค้นเคืองและด่าว่าพวกภิกษุในที่ทุกแห่งที่ตนพบเห็นว่า “ชีวิตการครองเรือนของเราแตกสลายก็เพราะภิกษุเหล่านี้” เป็นเหตุให้ภิกษุทั้งหลายไม่ต้องการเดินผ่านบ้านของนางกาณามาตา
พระศาสดาเมื่อสดับเรื่องที่นางกาณาด่าว่าพระภิกษุทั้งหลาย ก็ได้เสด็จไปยังบ้านของนางกาณามาตา และนางกาณามาตาได้ถวายข้าวยาคูและของขบเคี้ยวแด่พระศาสดา หลังจากเสร็จภัตตกิจแล้ว พระศาสดาได้รับสั่งให้เรียกนางกาณามาเฝ้า และได้ตรัสถามนางว่า “ภิกษุทั้งหลายของเรา ถือเอาสิ่งของที่ให้แล้วหรือว่าที่ยังมิได้ให้เล่า” นางกาณาตอบว่า “ภิกษุทั้งหลายถือเอาสิ่งของที่ถวายให้แล้วเท่านั้น” และได้กล่าวด้วยว่า “โทษของพระผู้เป็นเจ้าไม่มี พระเจ้าข้า หม่อมฉันเท่านั้นมีโทษ” นางถวายบังคมพระศาสดา ขอประทานอภัยโทษ พระศาสดาได้แสดงอนุปุพพีกถา(ทานกถา, ศีลกถา, สัคคกถา, กามาทีนวกถา, เนกขัมมานิสังสกถา) แก่นาง ทำให้นางได้บรรลุพระโสดาปัตติผล
ในระหว่างทางเสด็จกลับพระเชตวัน พระศาสดาได้ทรงพบกับพระเจ้าปเสนทิโกศล เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้สดับเรื่องราวของนางกาณาที่ด่าว่าพระภิกษุสงฆ์นั้นแล้ว ได้ทูลถามพระศาสดาว่า สามารถทำนางให้เลิกด่าว่าภิกษุสงฆ์แล้วหรือยัง พระศาสดาตรัสว่า “ถวายพระพร มหาบพิตร อาตมภาพทำนางมิให้ด่าภิกษุแล้ว และให้เป็นเจ้าของทรัพย์อันเป็นโลกุตตระแล้ว”
พระเจ้าปเสนทิโกศลทูลว่า “เมื่อพระองค์ทรงทำนางให้เป็นเจ้าของทรัพย์ที่เป็นโลกกุตตระแล้วเช่นนี้ หม่อมฉันจักทำนางให้เป็นเจ้าของทรัพย์ที่เป็นโลกีย์” จากนั้นได้รับสั่งให้ส่งคนไปรับนางกาณามาที่พระราชวัง เมื่อนางกาณามาถึงแล้ว พระราชาก็ได้ทรงแต่งตั้งเป็นพระธิดาแล้วตรัสว่า “ผู้ใดสามารถเลี้ยงดูธิดาของเราได้ ผู้นั้นจงรับเอานางไป” มหาอำมาตย์ผู้หนึ่งได้รับพระราชทานนางกาณาไปเป็นธิดา แล้วมอบทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้แก่นาง กล่าวว่า “เจ้าจงทำบุญตามใจชอบเถิด” จำเดิมแต่วันนั้นมา นางกาณาก็ได้จัดตั้งโรงทาน ถวายทานแก่ภิกษุทั้งหลายที่ประตูทั้ง 4 ทิศ
เมื่อภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมถึงเรื่องนี้ พระศาสดาได้ตรัสกับภิกษุเหล่านั้นว่า “ภิกษุทั้งหลาย จิตของนางกาณาที่ขุ่นมัวและเศร้าหมอง เราได้ทำให้ใสกระจ่าง เหมือนห้วงน้ำมีน้ำใสแล้ว เพราะถ้อยคำของเรา”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัส พระธรรมบท พระคาถาที่ 82 ว่า
ยถาปิ รหโท คมฺภีโร
วิปฺปสนฺโน อนาวิโล
เอวํ ธมฺมานิ สุตฺวาน
วิปฺปสีทนฺติ ปณฺฑิตาฯ
ห้วงน้ำลึก มีน้ำใส
ไม่ขุ่นมัว ฉันใด
บัณฑิตทั้งหลาย เมื่อฟังธรรมแล้ว
ก็ย่อมผ่องใส ฉันนั้น.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาบันเป็นต้น.
No comments:
Write comments