เรื่องหญิงขี้หึง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภหญิงขี้หึง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อกดํ เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง หญิงผู้หนึ่งในกรุงสาวัตถี เป็นหญิงขี้หึงอย่างรุนแรง วันหนึ่ง นางมีความหึงหวงที่สามีมีเพศสัมพันธ์กับหญิงคนรับใช้ ดังนั้น ในวันหนึ่ง จึงจับหญิงรับใช้นั้นมามัดมือมัดเท้า ตัดหูและตัดจมูก แล้วกักขังไว้ในห้องว่างห้องหนึ่ง ปิดประตูอย่างแน่นหนา แล้วชวนสามีไปฟังธรรมที่วัดพระเชตวัน หลังจากที่หญิงนี้กับสามีคล้อยหลังไปไม่นาน ก็มีพวกญาติๆของหญิงรับใช้นี้มาที่บ้าน และพบว่าหญิงรับใช้นี้ถูกผูกมัดและกักขังอยู่ในห้อง ก็ได้ช่วยกันพังประตูเข้าไป ช่วยกันแก้มัด พาออกมาจากห้องนั้น แล้วก็ได้พากันไปที่วัดพระเชตวัน ในช่วงเวลาพอดีกับที่พระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ หญิงรับใช้นั้นได้กราบทูลพระศาสดาถึงเรื่องที่นายสาวของนางได้ก่อกรรมทำเข็ญกับนางทุกอย่าง พระศาสดา ทรงสดับคำของหญิงรับใช้นั้นแล้ว ตรัสว่า “ขึ้นชื่อว่าทุจริต แม้เพียงเล็กน้อย บุคคลไม่ควรทำ ด้วยความสำคัญว่า ชนเหล่าอื่นย่อมไม่รู้การกระทำนี้ของเรา ส่วนสุจริตนั่นแหละ เมื่อคนอื่นแม้ไม่รู้ ก็ควรทำ เพราะขึ้นชื่อว่าทุจริต แม้บุคคลปกปิดทำ ย่อมทำการตามเผาผลาญในภายหลัง ส่วนสุจริตย่อมยังความปราโมทย์อย่างเดียวให้เกิดขึ้น”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
อกตํ ทุกฺกตํ เสยฺโย
ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกฏํ
กตญฺจ สุกตํ เสยฺโย
ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ ฯ
กรรมชั่ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า
เพราะกรรมชั่ว ย่อมเผาผลาญในภายหลัง
ส่วนบุคคลทำกรรมใดแล้ว ไม่ตามเดือดร้อน
กรรมนั้น เป็นกรรมดี อันบุคคลทำแล้วดีกว่า.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง อุบาสกและหญิงนั้น บรรลุโสดาปัตติผล ชนทั้หลายปลดปล่อยหญิงรับใช้นั้นให้เป็นไทย และทำให้เป็นหญิงมีปกติประพฤติธรรม.
No comments:
Write comments