เรื่องภิกษุชาวเมืองปาฐา
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุชาวเมืองปาฐา ประมาณ ๓๐ รูป ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 65 นี้
ครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มจากเมืองปาฐา ๓๐ คน ไปแสวงหาความสุขกับหญิงโสเภณีอยู่ในป่า แต่หญิงโสเภณีนางนั้นได้ขโมยเครื่องประดับที่มีค่าของชายหนุ่มเหล่านี้วิ่งหนีไป ขณะที่พวกเขากำลังตามหาหญิงโสเภณีนางนี้อยู่นั้น ก็ได้พบกับพระศาสดาในระหว่างทาง พระศาสดาได้แสดงธรรมให้ฟัง ทำให้ชายหนุ่มเหล่านี้ได้บรรลุพระโสดาปัตติผล และทั้งหมดก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ แล้วติดตามพระศาสดาไปที่วัดพระเชตวัน เมื่อได้ไปอยู่ที่วัดพระเชตวันนี้แล้ว ภิกษุใหม่เหล่านี้ก็ได้ปฏิบัติธุดงค์ ๑๓ อย่างเคร่งครัด ต่อมาพระศาสดาได้ทรงแสดงอนมตัคคธรรมเทศนา และภิกษุเหล่านี้ก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล
ภิกษุทั้งหลาย สนทนากันในธรรมสภาว่า “น่าอัศจรรย์หนอ ภิกษุเหล่านี้ รู้แจ้งธรรมพลันทีเดียว” พระศาสดาจึงได้ตรัสตอบพระภิกษุเหล่านี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่แต่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ภิกษุเหล่านี้ เป็นนักเลงเป็นสหายกัน 30 คน ฟังธรรมเทศนาของสุกรชื่อมหาตุณฑิละ ในตุณฑิลชาดก รู้แจ้งธรรมได้ฉับพลันทีเดียว สมาทานศีล 5 แล้ว เพราะอุปนิสัยที่ติดตัวมานั้นเอง เขาเหล่านั้นจึงบรรลุพระอรหัต ณ อาสนะที่ตนนั่งแล้วทีเดียวในกาลบัดนี้”
จากนั้น พระศาสดาได้แสดงธรรม ด้วยพระธรรมบท พระคาถาที่ 65 ว่า
มุหุตฺมฺปิ เจ วิญฺญู
ปณฺฑิตํ ปยิรูปาสติ
ขิปฺปํ ธมฺมํ วิชานาติ
ชิวหา สูปรสํ ยถาฯ
วิญฺญูชนเข้าไปหาคนฉลาด
แม้เพียงครู่เดียว
ย่อมรู้ธรรมได้เร็วพลัน
เหมือนลิ้นรับรู้รสแกง.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ภิกษุเป็นอันมาก บรรลุพระอรหัตแล้ว.
No comments:
Write comments