เรื่องสุปปพุทธกุฏฐิ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุรุษโรคเรื้อน ชื่อสุปปพุทธะ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 66 นี้
นายสุปปพุทธะ ผู้เป็นโรคเรื้อน ขณะที่ฟังธรรมของพระศาสดาอยู่ที่ข้างท้ายพุทธบริษัท ได้ตั้งใจฟังมากจนได้บรรลุพระโสดาปัตติผล เมื่อพุทธบริษัททั้งหลายแยกย้ายเดินทางกลับบ้านกันหมดแล้ว สุปปพุทธะได้ติดตามพระศาสดาไปที่วัดพระเชตวัน เพราะต้องการจะกราบทูลว่า ตนได้บรรลุพระโสดาปัตติผลแล้ว ท้าวสักกะเทวราช มีความประสงค์จะทดสอบศรัทธาของสุปปพุทธะที่มีต่อพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ว่ามั่นคงขนาดไหน จึงได้เสด็จไปยืนในอากาศแล้วตรัสว่า “สุปปพุทธะ ท่านเป็นคนขัดสน เป็นคนยากไร้ เราจะให้ทรัพย์มากมายแก่ท่าน ท่านจงกล่าวว่า พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระพุทธ เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระธรรม เราขอปฏิเสธประโยชน์ของพระสงฆ์” สุปปพุทธะตอบว่า “เราไม่ใช่คนเข็ญใจ เป็นคนขัดสน เป็นคนไร้ที่พึ่ง เป็นคนกำพร้า เราเป็นคนรวย เรามีทรัพย์ 7 ประการที่พระอริยเจ้าทั้งหลายมี คือ 1.ทรัพย์คือศรัทธา 2.ทรัพย์คือศีล 3.ศัพท์คือหิริ 4.ทรัพย์คือโอตตัปปะ 5.ทรัพย์คือสุตะ 6.ทรัพย์คือจาคะ 7.ทรัพย์คือปัญญา
ท้าวสักกะ ทรงสดับคำของสุปปพุทธะนั้นแล้ว ก็ได้เสด็จล่วงหน้าไปเฝ้าพระศาสดาและกราบทูลเรื่องที่ทรงสนทนากับสุปปพุทธะให้ทรงทราบ พระศาสดาจึงตรัสกับท้าวสักกะว่า “ท้าวสักกะ ทั้งร้อยทั้งพันแห่งคนทั้งหลายผู้เช่นกับพระองค์ ไม่อาจเพื่อจะให้สุปปพุทธะกล่าวว่า พระพุทธไม่ใช่พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์” ต่อมาสุปปพุทธะก็ตามมาที่วัดพระเชตวัน และได้กราบทูลเรื่องที่ตนบรรลุพระโสดาบันให้ทรงทราบ ในระหว่างเดินทางกลับสุปปพุทธะได้ถูกโคแม่ลูกอ่อนที่ถูกนางยักษิณีเข้าสิงขวิดตาย นางยักษิณีนี้ก็คือนางโสเภณีที่เคยถูกสุปปพุทธะสังหารในอดีตชาติและนางเคยตั้งสัจอธิษฐานก่อนตายว่าจะทำการแก้แค้น “ขอเราพึงเป็นยักษิณี ผู้สามารถเพื่อฆ่าชนเหล่านั้น เหมือนอย่างที่พวกนี้ฆ่าเราฉะนั้นเหมือนกัน” เมื่อข่าวการเสียชีวิตของสุปปพุทธะไปถึงวัดพระเชตวัน พวกภิกษุได้ทูลถามพระศาสดาว่า สุปปพุทธกุฏฐิไปเกิดที่ใด พระศาสดาตรัสตอบว่า สุปปพุทธกุฏฐิไปเกิดในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ พระศาสดายังได้ทรงอธิบายแก่ภิกษุทั้งหลายด้วยว่า ที่สุปปพุทธกุฏฐิเป็นโรคเรื้อนนั้นก็เพราะในอดีตชาติหนึ่งเคยบ้วนน้ำลายต่อหน้าพระตครสิขีปัจเจกพุทธเจ้า
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 66 ว่า
จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา
อมิตฺเตเนว อตฺตนา
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ
ยํ โหติ กฏุกปฺปกํฯ
คนโง่ ปัญญาทราม
มีตนเป็นเหมือนศัตรู
เที่ยวทำกรรมชั่ว
มีผลเผ็ดร้อน.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments