เรื่องภิกษุชื่อหัตถกะ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุชื่อหัตถกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า น มุณฑเกน สมโณ เป็นต้น
พระหัตถกะ ชอบไปท้าพวกเดียรถีย์ให้มาโต้วาทีกันกับท่าน ในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เมื่อถึงกำหนดเวลาที่นัดหมายกันนั้น พระหัตถกะก็จะไปยังสถานที่นัดหมายกันนั้นก่อนเวลา แล้วคุยโอ้อวดว่า “ ดูเถิดท่านทั้งหลาย พวกเดียรถีย์ไม่มา เพราะกลัวผม นี่แหละเป็นความแพ้ของพวกเดียรถีย์เหล่านั้น” พระศาสดาทรงทราบพฤติกรรมของพระหัตถกะนั้นแล้ว ตรัสเรียกมาสอบถาม และเมื่อพระหัตถกะยอมรับความจริงนั้น ตรัสว่า “เหตุไฉน เธอจึงทำอย่างนั้น ? ด้วยว่า ผู้ทำมุสาวาทเห็นปานนั้น จะชื่อว่าเป็นสมณะ เพราะเหตุสักว่ามีศีรษะโล้นเป็นต้นหามิได้ ส่วนผู้ใด ยังบาปน้อยหรือใหญ่ให้สงบแล้วตั้งอยู่ ผู้นี้แหละชื่อว่าสมณะ”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท สองพระคาถานี้ว่า
น มุณฺฑเกนะ สมโณ
อพฺพโต อลิกํ ภณํ
อิจฺฉาโลภสมาปนฺโน
สมโณ กึ ภวิสฺสติ ฯ
โย จ สเมติ ปาปานิ
อณุถูลานิ สพฺพโส
สมิตตฺตา หิ ปาปานํ
สมโณติ ปวุจฺจติ ฯ
ผู้ไม่มีวัตร พูดเหลาะแหละ
ไม่ชื่อว่าสมณะ เพราะศีรษะโล้น
ผู้ประกอบด้วยความอยาก และความโลภ
จะเป็นสมณะอย่างไรได้”
ส่วนผู้ใด ยังบาปน้อยหรือใหญ่ให้สงบ
โดยประการทั้งปวง
ผู้นั้น เรากล่าวว่า เป็นสมณะ
เพราะยังบาปให้สงบแล้ว.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments