เรื่องภิกษุมากรูป
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุมากรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า น วากฺกรณมตฺเตน เป็นต้น
ในวัดนั้น ภิกษุหนุ่มและสามเณรน้อย จะทำการดูแลอาจารย์ผู้บอกธรรมของตน ด้วยกิจต่างๆ เช่น การย้อมจีวรเป็นต้น พระเถระพวกหนึ่งสังเกตเห็นวัตรปฏิบัติเหล่านี้ ก็เกิดความริษยา และได้คิดแผนอย่างหนึ่งขึ้นมาเพื่อจะให้เกิดประโยชน์แก่พวกตนบ้าง โดยแผนนี้ก็คือ พวกพระเถระเหล่านี้จะกราบทูลแนะนำพระศาสดาว่าให้ออกกฎว่า พวกภิกษุหนุ่มและสามเณรน้อย แม้ว่าจะทำวัตรปฏิบัติแก่อาจารย์ของตนแล้ว ก็จะต้องมาขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากพระเถระเหล่านี้ด้วย เมื่อพระเถระเหล่านี้ไปกราบทูลเรื่องนี้แด่พระศาสดา พระศาสดาทรงทราบวัตถุประสงค์แอบแฝงของพระเถระเหล่านั้น ได้ตรัสว่า “เราไม่เรียกพวกเธอว่า คนดี เพราะเหตุสักว่าพูดจัดจ้าน ส่วนผู้ใด ตัดธรรมมีความริษยาเป็นต้นเหล่านี้ได้แล้ว ด้วยอรหัตตมรรค ผู้นี้แหละชื่อว่าคนดี”
พระศาสดา ได้ตรัสพระธรรมบท สองพระคาถานี้ว่า
น วากฺกรณมตฺเตน
วณฺณโปกฺขรตาย วา
สาธุรูโป นโร โหติ
อิสฺสุกี มจฺฉรี สโฐ ฯ
ยสฺส เจตํ สมุจฺฉินฺนํ
มูลฆจฺฉํ สมูหตํ
ส วนฺตโทโส เมธาวี
สาธุรูโปติ วุจฺจติ ฯ
นระ ผู้มีความริษยา มีความตระหนี่ โอ้อวด
จะชื่อว่าคนดี เพราะเหตุสักว่าทำการพูดจัดจ้าน
หรือเพราะมีผิวกายงามก็หาไม่.
ส่วนผู้ใด ตัดความริษยาเป็นต้นได้ขาดแล้ว
ถอนขึ้นให้รากขาด
ผู้นั้น มีโทสะอันคายแล้ว มีปัญญา
เราเรียกว่า คนดี.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments