KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 17, 2017

๖.เรื่องปุโรหิตชื่ออัคคิทัตต์

Posted by   on Pinterest

เรื่องปุโรหิตชื่ออัคคิทัตต์



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ประทับนั่งบนกองทราย  ทรงปรารภปุโรหิตของพระเจ้าโกศล ชื่ออัคคิทัตต์  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  พหุ   เว  สรณํ   ยนฺติ  เป็นต้น

อัคคิทัตเป็นปุโรหิตของเจ้ามหาโกศล   พระบิดาของพระเจ้าปเสทนิโกศล   หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามหาโกศล  ปุโรหิตอัคคิทัต ก็ได้นำทรัพย์สมบัติของตนออกบริจาคเป็นทาน  จากนั้นก็ได้ละทิ้งบ้านเรือนออกไปบวชเป็นนักบวชภายนอกพุทธศาสนา  ท่านอัคคิทัตมีศิษย์ที่บวชตามและอยู่ด้วยกันกับท่านจำนวน 10000 ท่านและศิษย์ได้ไปพำนักอยู่ด้วยกันที่พรมแดนระหว่าง แคว้นอังคะ  แคว้นมคธ  และแคว้นกุรุ  ซึงเป็นสถานที่ซึ่งไม่ไกลจากเนินทรายใหญ่อันเป็นที่อยู่ของพระยานาค ชื่อ อหิฉัตต์   มีชาวบ้านจากแคว้นอังคะ  แคว้นมคธ และแคว้นกุรุนำเครื่องสักการะมากหลายไปถวายแก่พวงนักบวชโดยการนำของท่านอัคคิทัตต์ ทุกๆเดือน   ท่านอัคคิทัตต์ได้ให้โอวาทแก่คนเหล่านั้นว่า “ พวกท่านจงถึงภูเขาเป็นสรณะ  จงถึงป่าเป็นสรณะ  จงถึงสวนเป็นสรณะ  จงถึงต้นไม้เป็นสรณะ   พวกท่านจักพ้นจากทุกข์ทั้งสิ้นได้ด้วยอาการอย่างนี้”

ในเวลาจวนรุ่งของวันหนึ่ง  พระศาสดา  ทรงตรวจดูสัตวโลก  ทรงเห็นอัคคิทัตพราหมณ์พร้อมด้วยศิษย์  เข้ามาอยู่ในข่ายคือพระญาณของพระองค์แล้ว  ทรงทราบว่าทุกคนจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์  ในตอนเย็น  ได้ตรัสกับพระมหาโมคคัลลานเถระให้เดินทางไปอบรมสั่งสอนอัคคิทัตและศิษย์ในแนวทางที่ถูกต้อง  และพระองค์ก็จะเสด็จไปสมทบในภายหลังด้วย  พระมหาโมคคัลลานะได้เดินทางไปยังสถานที่อยู่ของอัคคิทัตพราหมณ์และศิษย์

และได้ขอพักอาศัยค้างแรมด้วยสักคืน   อัคคิทัตพราหมณ์ในตอนแรกปฏิเสธที่จะให้ที่พัก  แต่ในที่สุดได้ยอมให้ไปพักที่กองทรายใหญ่อันเป็นที่อยู่ของนาคราชซึ่งมีฤทธิ์เดชมาก  พอนาคราชเห็นพระเถระเดินมาก็ได้แสดงฤทธิ์ด้วยการบังหวนควัน  จึงได้เกิดการปะทันด้วยฤทธิ์ของการบังหวนควันระหว่างนาคราชกับพระเถระ  แต่ในที่สุดนาคราชเป็นฝ่ายถูกปราบจนพ่ายแพ้  พระเถระสามารถนั่งอยู่บนกองทรายใหญ่  โดยมีนาคราชแสดงความเคารพพระเถระด้วยการแผ่พังพานขนาดใหญ่เป็นร่มกั้นอยู่เหนือศีรษะพระเถระ  เมื่อถึงช่วงเช้าในวันรุ่งขึ้น  อัคคิทัตและศิษย์มาที่กองทรายใหญ่  เพื่อจะมาพิสูจน์ว่าพระเถระยังมีชีวิตอยู่หรือไม่  ซึ่งพวกเขาคาดการณ์ไว้ว่าพระเถระต้องเสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน  แต่พอพวกเขามาพบว่านาคราชถูกปราบและแผ่พังพานถวายความเคารพพระเถระเช่นนี้  ก็เกิดความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก  เพราะคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรไปได้เช่นนี้

ชั่วครู่ต่อมา  พระศาสดาก็ได้เสด็จมาสมทบ  พระเถระได้เข้าไปถวายบังคมพระศาสดา  และได้ประกาศให้อัคคิทัตและศิษย์ได้ทราบว่า  พระองค์คือพระศาสดา  พระเถระเป็นสาวก  พระศาสดาประทับนั่งบนยอดของกองทราบ  ตรัสเรียกอัคคิทัตมาแล้ว  ตรัสว่า  “อัคคิทัต  ท่านเมื่อให้โอวาทแก่สาวกและอุปัฏฐากทั้งหลายของท่าน  ย่อมกล่าวว่าอย่างไร”  อัคคิทัตกราบทูลว่า  “ข้าพเจ้าให้โอวาทแก่สาวกและอุปัฏฐากเหล่านั้นอย่างนี้ว่า  ท่านทั้งหลาย  จงถึงภูเขานั่นเป็นที่พึ่ง  จงถึงป่า  จงถึงสวน  จงถึงต้นไม้  ว่าเป็นที่พึ่ง  ด้วยว่า  บุคคลถึงวัตถุทั้งหลาย  มีภูเขาเป็นต้นนั้นว่าเป็นที่พึ่งแล้ว   ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้”  พระศาสดา ตรัสว่า  “อัคคิทัต  บุคคลถึงวัตถุทั้งหลายมีภูเขาเป็นต้นนั้นว่าเป็นที่พึ่งแล้ว  ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ได้เลย  ส่วนบุคคลถึงพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  ว่าเป็นที่พึ่ง  ย่อมพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะสงสารทั้งสิ้นได้”

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  ห้าพระคาถานี้ว่า

พหุ  เว  สรณํ  ยนฺติ
ปพฺพตานิ  วนานิ  จะ
อารามรุกฺขเจตฺยานิ
มนุสสา  ภยตชฺชิตา  ฯ
เนตํ โข  สรณํ  เขมํ
เนตํ  สรณมุตฺตมํ
เนตํ  สรณมาคมฺม
สพฺพทุกฺขา  ปมุจฺจติ ฯ


โย  จ  พุทฺธญฺจ  ธมฺมญฺจ
สงฺฆญฺจ  สรณํ  คโต
จตฺตาริ  อริยสจฺจานิ
สมฺมปฺปญฺญาย  ปสฺสติ  ฯ

ทุกฺขํ    ทุกขสมุปฺปาทํ
ทุกฺขสฺส  จ  อติกฺกมํ
อริยญจฏฺฐงฺคิกํ  มคฺคํ
ทุกฺขูปสมคามินํ  ฯ

เอตํ  โข  สรณํ  เขมํ
เอตํ  สรณมุตฺตมํ
เอตํ  สรณมาคมฺม
สพฺพทุกฺขา  ปมุจฺจติ  ฯ

มนุษย์เป็นอันมาก
ถูกภัยคุกคามแล้ว
ย่อมถึงภูเขา ป่า  อาราม
และรุกขเจดีย์ว่าเป็นที่พึ่ง

 สรณะนั่นแลไม่เกษม
สรณะนั่นไม่อุดม
เพราะบุคคลอาศัยสรณะนั่น
ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้.

ส่วนบุคคลใดถึงพระพุทธ
พระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
 ย่อมเห็นอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์
ความก้าวล่วงทุกข์.

และมรรคมีองค์ 8 อันประเสริฐ
ซึ่งยังสัตว์ให้ถึงความสงบแห่งทุกข์  ด้วยปัญญาชอบ
สรณะนั่นแลของบุคคลนั้นเกษม  สรณะนั่นอุดม
เพราะบุคคลอาศัยสรณะนั่น  ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ฤษีทั้งหมด  บรรลุพระอรหัตตผล  พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว  ถวายบังคมพระศาสดา  ทูลขอบรรพชา   พระศาสดาทรงประทานให้เป็นภิกษุด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา  ว่า  “ท่านทั้งหลาย  จงเป็นภิกษุมาเถิด  จงประพฤติพรหมจรรย์”  (ไม่มีคำว่า  เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โยชอบ  เพราะทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ก่อนบวช)

ในวันนั้นเมื่อสาวกของอัคคิทัตจากแคว้นอังคะ  แคว้นมคธ  และแคว้นกุรุ   ถือเครื่องสักการมาไหว้อัคคิทัต  ได้เห็นอัคคิทัตและบรรดาสาวกนุ่งห่มผ้าบวชเป็นภิกษุ  ก็เกิดความอัศจรรย์ใจสงสัยว่า  ใครมีอานุภาพมากกว่ากัน  อาจารย์ของเรา หรือว่าพระสมณะโคดม  ?  อาจารย์ของเราต้องมีอานุภาพเหนือกว่า  เพราะว่าพระสมณะโคดมเป็นฝ่ายมาสู่สำนักของอาจารย์ของเรา”   พระศาสดาทรงทราบความคิดของคนเหล่านั้น  และอัคคิทัตเองก็คิดว่าจะต้องทำให้คนเหล่านั้นสิ้นความสงสัย  จึงได้เข้าไปถวายบังคมพระศาสดา  และประกาศว่า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  พระผู้มีพระภาค  เป็นศาสดาของข้าพระองค์  ข้าพระองค์เป็นสาวก”

No comments:
Write comments