KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 17, 2017

๕.เรื่องภิกษุผู้ไม่ยินดี

Posted by   on Pinterest

เรื่องภิกษุผู้ไม่ยินดี



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภภิกษุผู้ไม่ยินดี(ในพรหมจรรย์)  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  น  กหาปณวสฺเสน  เป็นต้น

ในสมัยหนึ่ง   มีภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งอยู่ที่วัดพระเชตวัน   วันหนึ่ง พระอุปัชฌาย์ส่งให้ท่านไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดอีกแห่งหนึ่ง   ขณะที่ภิกษุรูปนี้ไปอยู่ที่วัดแห่งใหม่นั้น  โยมบิดาของท่านเกิดป่วยหนักและได้เสียชีวิตในที่สุด  ก่อนเสียชีวิตบิดาของภิกษุนี้ได้มอบทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 100 กหาปณะไว้กับโยมลุงของพระภิกษุนี้ไว้  เมื่อภิกษุรูปนี้ไปพบโยมลุงก็บอกว่าโยมพ่อของภิกษุได้เสียชีวิตไปแล้วและได้ฝากเงินไว้ให้เป็นจำนวน 100 กหาปณะ  ในตอนแรกพระภิกษุนี้พูดว่าท่านไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินนี้  แต่ต่อมาท่านมีความเบื่อหน่ายในเพศบรรพชิต  คิดอยากจะสึกออกไปเป็นฆราวาส  ไม่ยอมศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน  ร่างกายผ่ายผอม  พวกภิกษุหนุ่มและสามเณรน้อยเห็นผิดปกติ  จึงเข้าไปสอบถาม  เมื่อได้ความว่าอยากจะสึก  จึงนำความนั้นไปเรียนอาจารย์และพระอุปัชฌาย์ของพระภิกษุนั้น  อาจารย์และอุปัชฌาย์ จึงนำพระภิกษุนั้นไปเข้าเฝ้าพระศาสดา

พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่าเป็นความจริงหรือไม่ที่ไม่ต้องการจะบวชเป็นภิกษุอยู่ต่อไป  และมีเงินทุนสำหรับเริ่มชีวิตการเป็นฆราวาสแล้วหรือยัง   พระภิกษุนั้นกราบทูลว่าต้องการจะสึกจริงและมีเงินทุนสำหรับเริ่มชีวิตของฆราวาสจำนวน 100  กหาปณะแล้ว  พระศาสดาได้ทรงอธิบายให้ภิกษุนั้นฟังว่า  ในการดำเนินชีวิตเป็นฆราวาสนั้น จะต้องมีอาหาร มีโคสำหรับใช้สอย  มีพืช  มีแอกและไถ  มีจอบเสียม  มีมีดขวาน  เป็นต้น  พระศาสดาลองให้พระภิกษุนั้นคำนวณดูว่าเงินทุนที่มีอยู่จำนวน 100 กหาปณะนั้นพอที่จะนำไปซื้อสิ่งของต่างๆดังกล่าวหรือไม่  และเมื่อภิกษุนั้นคำนวณแล้วปรากฏว่าเงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอ  พระศาสดาจึงตรัสว่า “ภิกษุ  กหาปณะของเธอมีน้อยนัก  เธออาศัยกหาปณะเหล่านั้น  จักให้ความทะยานอยากเต็มขึ้นได้อย่างไร?”  และพระองค์ได้นำเรื่องของพระเจ้ามันธาตุราชในมันธาตุราชชาดกมาเล่าว่า    “ได้ยินว่า  ในอดีตกาล  บัณฑิตทั้งหลาย  ครองจักรพรรดิราชสมบัติ  สามารถจะยังฝนคือรัตนะ 7  ประการให้ตกลงมาเพียงสะเอวในที่ประมาณ 12 โยชน์ ด้วยการกระทำเพียงปรบมือ  แม้ครองราชสมบัติในเทวโลก  ตลอดกาลที่ท้าวสักกะ 36 พระองค์จุติไป  ในเวลาตาย ก็ยังความอยากให้เต็มไม่ได้ เลย  ได้ทำกาละแล้ว”

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  สองพระคาถานี้ว่า

น  กหาปณวสฺเสน
ติตฺติ  กาเมสุ  วิชฺชติ
อปฺปสฺสาทา  ทุกฺขา  กามา
อิติ  วิญญาย  ปณฺฑิโต.
อปิ  ทิพเพสุ  กาเมสุ
รตึ  โส  นาธิคจฺฉติ
ตญฺหกฺขยรโต  โหติ
สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก ฯ

ความอิ่มในกามทั้งหลาย
ย่อมไม่มีเพราะฝนคือกหาปณะ
กามทั้งหลายมีรสอร่อย  มีทุกข์มาก
บัณฑิตรู้แจ้งดังนี้แล้ว  ย่อมไม่ถึงความยินดี

ในกามทั้งหลายแม้ที่เป็นทิพย์
พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธจ้า
ย่อมเป็นผู้ยินดีในความสิ้นไปแห่งตัณหา.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ภิกษุนั้น  บรรลุโสดาปัตติผล  พระธรรมเทศนามีประโยชน์แก่บริษัทที่มาประชุมกันแล้ว.

No comments:
Write comments