เรื่องพระนางเขมา
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระอัครมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร พระนามว่าเขมา ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า เย ราครตา เป็นต้น
พระนางเขมาเป็นพระมเหสีเอกของพระเจ้าพิมพิสาร พระนางมีพระสิริโฉมงดงามมาก เพราะได้เคยตั้งความปรารถนาไว้แทบบาทมูลของพระปทุมุตรพุทธเจ้า พระนางไม่ทรงต้องการจะไปเฝ้าพระศาสดาเพราะทรงเกรงว่าพระศาสดาจะทรงตำหนิโทษความงามของพระนาง จึงได้ทรงหลีกเลี่ยงอยู่ตลอดมา แต่พระเจ้าพิมพิสารมีพระประสงค์จะให้พระนางเสด็จไปเฝ้าพระศาสดาที่พระเวฬุวันให้ได้ จึงรับสั่งให้นักประพันธ์เพลงแต่งเพลงพรรณนาความงามและความรื่นรมย์ของพระเวฬูวัน จนพระนางเขมาได้สดับแล้ว มีความหลงใหลอยากจะเสด็จไปชม
เมื่อพระนางเขมาเสด็จเข้าไปในวัดพระเวฬุวันนั้น พระศาสดาทรงแสดงธรรมให้แก่มหาชนได้ฟังกันอยู่ พระองค์จึงทรงเนรมิตร่างนางงามผู้หนึ่ง ยืนถือพัดก้านตาลถวายงานพัดอยู่ที่ข้างพระองค์ และรูปหญิงนี้เห็นได้เฉพาะพระนางเขมาเท่านั้น เมื่อพระนางเข้ามาสู่ที่ประชุมฟังธรรมนั้น ทอดพระเหตุเห็นหญิงงามนั้นแล้วก็นำมาเปรียบเทียบกับความงามของพระนาง ได้เห็นประจักษ์ว่านางงามที่ถวายงานพัดพระศาสดาอยู่นั้นมีความงามเลิศล้ำกว่าพระนางมาก ขณะที่พระนางจ้องพระเนตรมองดูนางงามอยู่นั้น พระศาสดาได้บันดาลให้ร่างของนางงามนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับคือ เป็นหญิง กลางคน เป็นหญิงชรา เจ็บป่วย สิ้นชีวิต มีหนอนชอนไชออกมาจากซากศพ และเหลืออยู่แต่เพียงกองกระดูก เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ พระนางเขมาก็ทรงประจักษ์ถึงความไม่เที่ยงและความปราศจากแก่นสารของความงาม
พระศาสดา ทรงตรวจดูวารจิตของพระนางเขมาแล้ว จึงตรัสว่า “เขมา เธอคิดว่า สาระมีอยู่ในรูปนี้หรือ ? เธอจงดูความที่รูปนั้นหาสาระมิได้ ในบัดนี้”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ
สยํ กตํ มกฺกฎโกว ชาลํ
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา
อนเปกฺขิโน สพฺพทุกฺขํ ปหาย ฯ
สัตว์ผู้กำหนัดแล้วด้วยราคะ
ย่อมตกไปสู่กระแสตัณหา
เหมือนแมลงมุม ตกไปยังใยที่ตัวทำไว้เอง ฉะนั้น
ธีรชนทั้งหลาย ตัดกระแสตัณหาแม้นั้นแล้ว
เป็นผู้หมดห่วงใย ละเว้นทุกข์ทั้งปวง.
เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระนางเขมา บรรลุพระอรหัตตผล เพระธรรมเทศนามีประโยชน์แม้แก่มหาชน.
พระศาสดาตรัสถามพระราชาว่า ควรจะให้พระนางเขมาบวช หรือว่าจะให้ปรินิพพาน พระราชาตรัสว่า ควรจะให้พระนางบวช เมื่อพระนางบรรพชาแล้ว ก็ได้เป็นพระอัครสาวิกา.
No comments:
Write comments