เรื่องอนาถบิณฑิกเศรษฐี
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภเศรษฐีชื่ออนาถบิณฑิกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ เป็นต้น
อนาถบิณฑิกเศรษฐี บำรุงพระภิกษุสามเณรอยู่เนืองนิตย์ กระทั่งทรัพย์สมบัติร่อยหรอ เทวดาที่ประจำอยู่ที่ซุ้มประตูบ้านของเศรษฐีทนไม่ไหว ไปเตือนเศรษฐีให้เลิกทำบุญให้ทานเสียที แต่เศรษฐีไม่ยอมเลิก ยังทำบุญให้ทานแก่พระภิกษุและสามเณรต่อไป และได้ขับไล่เทวดาไม่ให้อยู่ในที่นั้น เทวดารู้สึกสำนึกตน จึงไปหาเทวดาทั้งหลาย จนกระทั่งไปหาท้าวสักกเทวราช วิงวอนให้ช่วยไปขอขมาโทษเศรษฐี ท้าวสักกะจึงออกอุบายว่า ให้นำทรัพย์ที่หาเจ้าของมิได้ไปให้เศรษฐีแล้วขอขมาโทษ เทวดานั้นก็ได้ทำตาม เมื่อเศรษฐีจะรับขมาโทษ จึงนำเทวดานั้นไปเข้าเฝ้า พระศาสดาจึงประทานโอวาทสอนเศรษฐีและเทวดาว่า “ดูก่อนคฤหบดี แม้บุคคลผู้ทำบาปในโลกนี้ ย่อมเห็นบาปว่าดี ตลอดกาลที่บาปยังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใด บาปของเขาเผล็ดผล เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นบาปว่าชั่วแท้ๆ ฝ่ายบุคคลผู้กระทำกรรมดี ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่ว ตลอดกาลที่กรรมดียังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใด กรรมดีของเขาเผล็ดผล เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นกรรมดีว่าดีจริงๆ” แล้วจึงตรัสพระธรรมบท 2 พระคาถานี้ว่า
ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ
ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ
อถ (ปาโป) ปาปานิ ปสฺสติฯ
ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล
คนชั่วเห็นบาปเป็นความดี
แต่เมื่อใดบาปให้ผล
เมื่อนั้นเขาเห็นบาปเป็นความชั่ว.
ภทฺโรปิ ปสฺสตี ปาปํ
ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ
อถ (ภทฺโร) ภทฺรานิ ปสฺสติฯ
ตลอดเวลาที่ความดียังไม่ให้ผล
คนดีเห็นบาปเป็นความชั่ว
แต่เมื่อใดบาปให้ผล
เมื่อนั้นเขาเห็นความดีเป็นความดี.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง เทวดานั้น ได้บรรลุโสดาปัตติผล พระธรรมเทศนา ได้มีประโยชน์แม้แก่พุทธบริษัทที่มาประชุมกันแล้ว.
No comments:
Write comments