KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 15, 2017

๔.เรื่องนางปติปูชิกา

Posted by   on Pinterest

เรื่องนางปติปูชิกา



พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภหญิงชื่อปติปูชิกา ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 48 นี้

นางปติปูชิกาอยู่ที่กรุงสาวัตถี  นางแต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี และมีบุตร 4 คน   นางเป็นหญิงที่มีคุณธรรมและใจบุญใจกุศล ชอบถวายภัตตาหารและปัจจัยอย่างอื่นๆแก่พระภิกษุสงฆ์  นางมักจะเข้าไปในวัดและช่วยทำความสะอาดบริเวณวัด ตักน้ำใส่ตุ่ม และทำหน้าที่ให้บริการแก่พระภิกษุสงฆ์   นางปติปูชิกาสามารถระลึกชาติได้ว่าในชาติก่อนนางเคยเป็นนางเทพธิดาเป็นภรรยาคนหนึ่งของมาลาภารีเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  นางระลึกได้ว่านางจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เมื่อนางเทพธิดาผู้เป็นบริวารของเทพองค์ดังกล่าวมาอยู่ในสวน สนุกสนานอยู่กับการหักกิ่งไม้และเด็ดดอกไม้  ดังนั้นทุกครั้งที่นางถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์นางก็ได้แต่อธิษฐานจิตขอให้ไปเกิดเป็นนางเทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเป็นภรรยาของมาลาภารีเทพบุตรอดีตสามีของนางอีกครั้งหนึ่ง

 วันหนึ่ง นางปติปูชิกาเจ็บหนักและได้เสียชีวิตในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง  เพราะเหตุที่นางได้ตั้งความปรารถนาไว้อย่างมั่นคง  นางจึงได้ไปเกิดเป็นนางเทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในฐานะเป็นภรรยาของเทพบุตรมาลาเภรี   ด้วยเหตุที่เวลาหนึ่งร้อยปีในโลกมนุษย์เท่ากับวันหนึ่งของโลกสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ดังนั้นมาลาภารีเทพบุตรและนางเทพธิดาผู้เป็นภรรยาทั้งหลายจึงยังคงสนุกสนานกันอยู่ในสวนแห่งเดิมนั้นเอง   และนางปติปูชิกาจึงหายไปจากสวนสวรรค์เพียงชั่วครู่เท่านั้นเอง  ดังนั้นเมื่อนางกลับไปเกิดอีกครั้งหนึ่ง มาลาภารีเทพบุตรจึงถามนางว่านางหายไปไหนตั้งแต่เมื่อเช้านี้ นางได้บอกกับมาลาภารีเทพบุตรว่า นางจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไปถือกำเนิดในโลกมนุษย์ ได้แต่งงานกับชายผู้หนึ่ง  นางให้กำเนิดบุตรจำนวน 4 คน และได้ตายจากโลกมนุษย์กลับมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อภิกษุทั้งหลายได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของนางปติปูชิกา มีความอาลัยอาวรณ์ในคุณความดีของนาง ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา ได้ไปเฝ้าพระศาสดาแล้วกราบทูลว่า นางปติปูชิกาซึ่งเคยถวายภัตตาหารแก่พวกท่านในตอนเช้าๆได้เสียชีวิตไปเมื่อตอนเย็นวันนี้เอง พระศาสดาได้ตรัสกะภิกษุเหล่านั้นว่า ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายสั้นยิ่งนัก  พวกเขายังไม่อิ่มในวัตถุกามและกิเลสกามของพวกตน  ก็จะตกอยู่ในอำนาจของพระยามัจจุราชเสียแล้ว

จากนั้นพระศาสดา ได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 48 ว่า

ปุปฺผานิ เหวะ ปจินนฺตํ
พฺยาสตฺตมนสํ นรํ
อติตฺตํ เยว กาเมสุ
อนฺตโก กุรุเต วสํฯ

คนที่มัวเลือกเก็บดอกไม้คือกามคุณ
มีใจข้องอยู่ในอารมณ์ต่างๆ
แม้จะยังไม่อิ่มเอมในสิ่งที่ปรารถนา
พระยามัจจุราชจะพาเอาตัวเขาไป
ให้อยู่ในอำนาจเสียก่อน.

เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น  พระสัทธรรมเทศนามีประโยชน์แก่มหาชน.

No comments:
Write comments