เรื่องพระเจ้าวิฑูฑภะ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระนครสาวัตถี ทรงปรารภพระเจ้าวิฑูฑภะ พร้อมทั้งข้าราชบริพาร ซึ่งถูกน้ำท่วมจนเสด็จสวรรคตและเสียชีวิต ได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 47 นี้
เรื่องมีอยู่ว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล มีพระประสงค์จะอภิเษกสมรสกับคนในราชสกุลศากยะของพระศาสดา จึงได้ทรงส่งคณะทูตไปที่กรุงกบิลพัสดุ์เพื่อไปสู่ขอเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ศากยะมาสักพระองค์หนึ่ง พวกเจ้าศากยะไม่มีความต้องการจะขัดพระทัยของพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงตอบตกลงไปตามพระประสงค์ แต่แทนที่จะประทานเจ้าหญิงศากยะบริสุทธิ์จริงๆ กลับส่งหญิงงามมากนางหนึ่งชื่อ วาสภขัตติยา ที่เกิดจากเจ้ามหานามะกับนางทาสไปประทานให้ พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ทรงทราบเรื่องนี้ได้ทรงแต่งตั้งให้นางเป็นหนึ่งในมเหสีเอกของพระองค์ และต่อมานางก็ได้ประสูติพระโอรสพระองค์หนึ่ง ทรงขนานนามพระโอรสพระองค์นี้ว่า วิฑูฑภะ เมื่อเจ้าชายวิฑูฑภะมีพระชนมายุ 16 พรรษา ได้เสด็จไปเยือนพระเจ้ามหานามะและเจ้าชายในศากยวงศ์ทั้งหลาย เมื่อเสด็จไปถึงเจ้าชายวิฑูฑภะทรงได้รับการต้อนรับด้วยดี แต่บรรดาราชกุมารทั้งหลายที่พระชนมายุอ่อนกว่าเจ้าชายวิฑูฑภะถูกส่งไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นพวกราชกุมารเหล่านี้จึงไม่ต้องทำความเคารพเจ้าชายวิฑูฑภะ หลังจากประทับอยู่ที่กรุงกบิลพัสดุ์อยู่ 2-3 วันเจ้าชายวิฑูฑภะและคณะผู้ติดตามก็ได้เสด็จกลับแคว้นโกศล หลังจากที่พระเจ้าวิฑูฑภะเสด็จออกจากพระราชวังไปแล้วนั้น ทาสหญิงคนหนึ่งก็ได้นำน้ำนมมาล้างพระแท่นที่ประทับนั่งของเจ้าชายวิฑูฑภะ พลางปากก็ร้องสาปแช่งว่า “ที่นี่เป็นที่ที่บุตรชายของนางทาสมานั่ง” ในขณะนั้นเองคนในคณะผู้ติดตามของเจ้าชายวิฑูฑภะกลับมาเอาสิ่งของที่ตนลืมไว้ที่ตรงนั้น ก็จึงได้ยินคำพูดของนางทาสคนนั้นเข้าพอดี เมื่อสอบถามนางทาสก็ได้บอกกับชายผู้กลับมาเอาของนั้นว่า มารดาของเจ้าชายวิฑูฑภะเป็นลูกของทาสหญิงคนหนึ่งของพระเจ้ามหานามะ
เจ้าชายวิฑูฑภะเมื่อได้ทรงทราบเรื่องนั้นโดยตลอดแล้ว ก็ทรงพิโรธมากและได้ทรงประกาศว่า สักวันหนึ่งพระองค์จะทรงเอาเลือดจากลำคอของพวกเจ้าศากยะมาล้างพระแท่นที่ประทับนั้นให้จงได้ และเมื่อพระองค์ได้รับการอภิเษกเป็นพระราชาแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำตามที่ได้ทรงประกาศเอาไว้เมื่อครั้งนั้น โดยพระองค์ทรงกรีธาทัพบุกไปสังหารพวกเจ้าศากยะทั้งหมด ยกเว้นแต่พระเจ้ามหานามะและคนไม่กี่คนที่อยู่กับพระองค์ ในระหว่างทางที่ทรงยกทัพกลับแคว้นโกศล พระเจ้าวิฑูฑภะและกองทัพของพระองค์ได้ตั้งค่ายพักแรมอยู่บนหาดทรายในแม่น้ำอจิรวดี คืนนั้นได้เกิดฝนตกลงมาหนักมากทางด้านเหนือน้ำ เกิดน้ำหลากไหลมาพัดพาทหารในกองทัพรวมทั้งพระเจ้าวิฑูฑภะเองที่นอนอยู่บนหาดทราย ทุกคนได้ถูกกระแสน้ำพัดหายลงไปในมหาสมุทร
เมื่อพระศาสดาทรงสดับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมทั้งสองเหตุการณ์นี้แล้ว ได้ทรงอธิบายกะภิกษุทั้งหลายว่า พระญาติของพระองค์คือพวกเจ้าศากยะเหล่านี้ได้เคยกระทำกรรมอย่างหนึ่งไว้ในอดีตชาติ กล่าวคือ พวกเขาได้ใส่ยาพิษลงไปในน้ำทำให้ปลาและสัตว์น้ำทั้งหลายตายไปเป็นจำนวนมาก ก็เพราะผลของอกุศลกรรมที่ทำมานั้นจึงทำให้พวกเจ้าศากยะต้องมาเสียชีวิตพร้อมๆกันอย่างนี้ และพระองค์ได้ตรัสถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระเจ้าวิฑูฑภะและกองทัพของพระองค์ด้วยว่า “ความตายย่อมพัดพาเอาหมู่สัตว์ที่มัวแต่ลุ่มหลงในกามคุณไป ดุจห้วงน้ำใหญ่พัดพาพวกคนที่มัวหลับใหลไปฉะนั้น”
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 47 ว่า
ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตํ
พฺยาสตฺตมนสํ นรํ
สุตฺตํ คามํ มโหโฆ ว
มจฺจุ อาทาย คจฺฉติฯ
ความตายคร่าคนที่มัวเลือกเก็บดอกไม้(กามคุณ)
มีใจข้องแวะอยู่ในกามคุณไป
เหมือนห้วงน้ำใหญ่พัดพา
เอาชาวบ้านผู้หลับใหลไปฉะนั้นฯ
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น พระสัทธรรมเทศนามีผลมากแก่มหาชน.
No comments:
Write comments