เรื่องยมกปาฏิหาริย์
พระศาสดา ทรงปรารภพวกเทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ที่พระทวารแห่งสังกัสสะนคร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า เย ฌานปฺปสุตา ธีรา เป็นต้น
สมัยหนึ่ง เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ตามคำท้าทายของพวกเดียรถีย์ หลังจากนั้นพระศาสดาได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระพุทธมารดาที่ได้ไปเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตโดยมีพระนามว่าสันดุสิตได้เสด็จไปที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ด้วย พระศาสดาได้ทรงแสดงอภิธรรมโปรดเทวดาและพรหมในระหว่างเข้าพรรษาสามเดือน ส่งผลให้สันดุสิตเทพบุตรได้บรรลุโสดาบัน พร้อมด้วยเทวดาและพรหมอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก
ในระหว่างนั้น พระสารีบุตรเถระจำพรรษาอยู่ที่เมืองสังกัสสะนคร ซึ่งมีระยะทางห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ 30 โยชน์ ในระหว่างสามเดือนที่อยู่ในเมืองสังกัสสะนครนี่เอง พระสารีบุตรเถระ ได้รับคำแนะนำจากพระศาสดาทุกระยะ ถึงหัวข้อธรรมต่างๆของพระอภิธรรม ที่พระศาสดาทรงแสดงแก่เหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายนั้น ท่านจึงได้นำหัวข้อธรรมเหล่านั้นของพระอภิธรรม มาสอนแก่ภิกษุที่เป็นสัทธิวิหาริกของท่านจำนวน 500 รูป จนครบทั้ง 7 ปกรณ์
ครั้นออกพรรษาแล้ว พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเฝ้าพระศาสดา จึงได้ทราบว่าพระศาสดาจะเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ตรงประตูเมืองสังกัสสะนคร ในวันมหาปารณา(ออกพรรษา) พอถึงกำหนด พระศาสดาทรงเปล่งพระฉัพพัณณรังสีจากพระวรกายของพระองค์ไปที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร ในค่ำคืนวันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนอัสสยุชะ พระศาสดาทรงแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายเสด็จลงมา โดยพวกเทวดาลงทางบันไดทอง พวกมหาพรหมลงทางบันไดเงิน พระศาสดาเสด็จลงทางบันไดแก้วมณี เทพบุตรนักฟ้อนชื่อปัญสิขะถือพิณสีเหลืองดุจผลมะตูมยืนอยู่ ณ ข้างเบื้องขวา ทำการบูชาด้วยการฟ้อนรำแด่พระศาสดาแล้วลงมา มาตลิสังคาหกเทพบุตร ยืน ณ ข้างเบื้องซ้าย ถือของหอมและดอกไม้อันเป็นทิพย์ นมัสการทำการบูชาแล้วลงมา ท้าวมหาพรหมกั้นฉัตร ท้าวสุยามถือพัดวาลวีชนี พระศาสดาเสด็จลงมาพร้อมด้วยบริวารยศนี้ หยุดประทับอยู่ที่ประตูสังกัสสะนคร มหาชนโดยการนำของพระสารีบุตรเถระได้ไปรอรับเสด็จพระศาสดานิวัติคืนสู่โลกมนุษย์ ทั่วทั้งเมืองสังกัสสะนครสว่างไสวไปทั่ว แม้แต่พระสารีบุตรเถระ ได้มาถวายบังคมพระศาสดา เพราะพระศาสดาเสด็จลงมาด้วยความโดดเด่นเป็นสง่าและมีความอลังการอย่างที่ไม่เคยพบเห็น ณ ที่ใดมาก่อน และท่านได้กราบทูลว่า “พระเจ้าข้า วันนี้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างรักและเทิดทูนพระองค์ทั้งนั้น” พระศาสดาตรัสว่า “สารีบุตร ชื่อว่าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบด้วยคุณเห็นปานนี้ ย่อมเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายโดยแท้”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
เย ฌานปฺปสุตา ธีรา
เนกฺขมฺมูปสเม รตา
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ
สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ ฯ
พระสัมพุทธเจ้าเหล่าใด
เป็นปราชญ์ ขวนขวายในฌาน
ยินดีแล้วในธรรมที่เข้าไปสงบ
ด้วยสามารถแห่งการออก
แม้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ก็ย่อมรักเทิดทูนพระสัมพุทธเจ้าเหล่านั้นผู้มีสติ.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง การรู้แจ้งธรรมบังเกิดแก่สัตว์ประมาณ 30 โกฏิ ภิกษุ 500 รูปผู้เป็นสัทธิวิหาริกของพระเถระ ได้บรรลุอรหัตตผล.
No comments:
Write comments