เรื่องกุมาริกากินไข่ไก่
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภกุมาริกาผู้กินไข่ไก่คนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ปรทุกฺขูปธาเนน ดังนี้
ในกาลครั้งหนึ่ง สตรีคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี เลี้ยงแม่ไก่ไว้ในบ้านตัวหนึ่ง ทุกครั้งที่แม่ไก่นั้นออกไข่ สตรีนั้นก็จะนำไข่ไก่ไปต้มรับประทาน แม่ไก่คิดอาฆาตในสตรีนั้น และตั้งจิตอธิษฐานขอให้ชาติหน้าไปเกิดเป็นแม่ไก่ ที่สามารถกินลูกของหญิงนี้ให้ได้ เมื่อแม่ไก่ตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นแม่แมวในบ้านหลังนั้นเอง ข้างสตรีนางนั้นเมื่อเสียชีวิตแล้ว ก็ได้บังเกิดเป็นแม่ไก่ใบบ้านหลังนั้นเหมือนกัน พอแม่ไก่ออกไข่ นางแมวก็มากินไข่ของแม่ไก่นั้น ทำอยู่อย่างนี้ติดต่อกัน 2-3 ครั้ง แม่ไก่จึงตั้งความปรารถนาว่า เมื่อไปเกิดในภพชาติใหม่ ก็ขอให้ไปเกิดอยู่ในฐานะที่จะกินลูกของแม่แมวนี้บ้าง ชาติต่อมา แม่ไก่ไปบังเกิดเป็นนางเสือเหลือง ส่วนนางแมวไปเกิดเป็นนางเนื้อ เมื่อนางเนื้อนั้นคลอดลูก นางเสือเหลืองก็มาคอยจับไปกิน เป็นอยู่อย่างนี้ถึง 500 ชาติ กระทั่งในมาถึงสมัยของพระโคดมพุทธเจ้า เมื่อนางหนึ่งมาเกิดเป็นนางยักษิณี อีกนางหนึ่งมาเกิดเป็นสตรีในเมืองสาวัตถี
มีอยู่ครั้งหนึ่ง สตรีนางนั้นเดินทางจากบ้านบิดามารดาจะกลับไปที่บ้านของสามี พร้อมด้วยสามีและบุตรที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน ขณะที่นางอุ้มลูกนั่งพักเหนื่อยอยู่ที่ใกล้หนองน้ำไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี ส่วนสามีลงไปอาบน้ำในหนองน้ำอยู่นั้น นางยักษิณีได้มาปรากฏร่าง และสตรีนั้นก็จดจำได้ว่านางยักษิณีเป็นศัตรูเก่าจะจับลูกของนางไปกิน นางจึงรีบอุ้มลูกวิ่งไปทางพระเชตวัน ซึ่งขณะนั้นพระศาสดากำลังทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ในท่ามกลางมหาชน เมื่อไปถึงก็ได้วางบุตรลงที่ข้างพระบาทของพระศาสดา ข้างนางยักษิณีก็วิ่งติดตามหญิงนั้นไปถึงประตูวัดแต่ถูกเทวดาเฝ้าประตูวัดขัดขวางไม่ให้เข้าไปในวั ดได้ พระศาสดาทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น ก็ได้ตรัสบอกพระอานนท์ให้ไปบอกเทวดาที่ซุ้มประตูให้อนุญาตนางยักษิณีเข้ามาได้ เมื่อนางยักษิณีเข้ามาอยู่เบื้องของพระศาสดาแล้ว พระศาสดาได้ตรัสสอนทั้งสตรีและนางยักษิณีว่า “หากเธอทั้งสองไม่มาหาเรา เวรของเธอทั้งสองก็จะยังดำเนินอยู่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เวรไม่มีวันระงับด้วยการจองเวร เวรสามารถระงับได้ด้วยการไม่จองเวรเท่านั้น”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
ปรทุกฺขูปธาเนน
โย อตฺตโน สุขมิจฺฉติ
เวรสํสคฺคสํสฏฺโฐ
เวรา โส น ปริมุจฺจติ ฯ
ผู้ใด ปรารถนาสุขเพื่อตน เพราะก่อทุกข์ในผู้อื่น
ผู้นั้น เป็นผู้ระคนด้วยเครื่องระคนคือเวร
ย่อมไม่พ้นจากเวรได้.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง นางยักษิณีตั้งอยู่ในสรณะทั้งหลาย สมาทานศีล 5 พ้นแล้วจากเวร ฝ่ายกุลธิดานั้น ตั้งอยู่ในโสดาบัตติผล พระธรรมเทศนามีประโยชน์ แม้แก่บุคคลผู้ประชุมกันแล้ว.
No comments:
Write comments