KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 18, 2017

๒.เรื่องกุมาริกากินไข่ไก่

Posted by   on Pinterest

เรื่องกุมาริกากินไข่ไก่



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน   ทรงปรารภกุมาริกาผู้กินไข่ไก่คนหนึ่ง  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ปรทุกฺขูปธาเนน  ดังนี้

ในกาลครั้งหนึ่ง   สตรีคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี  เลี้ยงแม่ไก่ไว้ในบ้านตัวหนึ่ง  ทุกครั้งที่แม่ไก่นั้นออกไข่  สตรีนั้นก็จะนำไข่ไก่ไปต้มรับประทาน  แม่ไก่คิดอาฆาตในสตรีนั้น  และตั้งจิตอธิษฐานขอให้ชาติหน้าไปเกิดเป็นแม่ไก่  ที่สามารถกินลูกของหญิงนี้ให้ได้  เมื่อแม่ไก่ตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นแม่แมวในบ้านหลังนั้นเอง  ข้างสตรีนางนั้นเมื่อเสียชีวิตแล้ว  ก็ได้บังเกิดเป็นแม่ไก่ใบบ้านหลังนั้นเหมือนกัน  พอแม่ไก่ออกไข่  นางแมวก็มากินไข่ของแม่ไก่นั้น  ทำอยู่อย่างนี้ติดต่อกัน  2-3 ครั้ง  แม่ไก่จึงตั้งความปรารถนาว่า   เมื่อไปเกิดในภพชาติใหม่ ก็ขอให้ไปเกิดอยู่ในฐานะที่จะกินลูกของแม่แมวนี้บ้าง   ชาติต่อมา แม่ไก่ไปบังเกิดเป็นนางเสือเหลือง  ส่วนนางแมวไปเกิดเป็นนางเนื้อ  เมื่อนางเนื้อนั้นคลอดลูก  นางเสือเหลืองก็มาคอยจับไปกิน  เป็นอยู่อย่างนี้ถึง 500 ชาติ  กระทั่งในมาถึงสมัยของพระโคดมพุทธเจ้า  เมื่อนางหนึ่งมาเกิดเป็นนางยักษิณี  อีกนางหนึ่งมาเกิดเป็นสตรีในเมืองสาวัตถี

มีอยู่ครั้งหนึ่ง  สตรีนางนั้นเดินทางจากบ้านบิดามารดาจะกลับไปที่บ้านของสามี  พร้อมด้วยสามีและบุตรที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน  ขณะที่นางอุ้มลูกนั่งพักเหนื่อยอยู่ที่ใกล้หนองน้ำไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี  ส่วนสามีลงไปอาบน้ำในหนองน้ำอยู่นั้น   นางยักษิณีได้มาปรากฏร่าง  และสตรีนั้นก็จดจำได้ว่านางยักษิณีเป็นศัตรูเก่าจะจับลูกของนางไปกิน   นางจึงรีบอุ้มลูกวิ่งไปทางพระเชตวัน  ซึ่งขณะนั้นพระศาสดากำลังทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ในท่ามกลางมหาชน  เมื่อไปถึงก็ได้วางบุตรลงที่ข้างพระบาทของพระศาสดา  ข้างนางยักษิณีก็วิ่งติดตามหญิงนั้นไปถึงประตูวัดแต่ถูกเทวดาเฝ้าประตูวัดขัดขวางไม่ให้เข้าไปในวั ดได้  พระศาสดาทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น  ก็ได้ตรัสบอกพระอานนท์ให้ไปบอกเทวดาที่ซุ้มประตูให้อนุญาตนางยักษิณีเข้ามาได้  เมื่อนางยักษิณีเข้ามาอยู่เบื้องของพระศาสดาแล้ว  พระศาสดาได้ตรัสสอนทั้งสตรีและนางยักษิณีว่า “หากเธอทั้งสองไม่มาหาเรา  เวรของเธอทั้งสองก็จะยังดำเนินอยู่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   เวรไม่มีวันระงับด้วยการจองเวร  เวรสามารถระงับได้ด้วยการไม่จองเวรเท่านั้น”

จากนั้น   พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

ปรทุกฺขูปธาเนน
โย  อตฺตโน   สุขมิจฺฉติ
เวรสํสคฺคสํสฏฺโฐ
เวรา  โส  น  ปริมุจฺจติ ฯ

ผู้ใด  ปรารถนาสุขเพื่อตน  เพราะก่อทุกข์ในผู้อื่น
ผู้นั้น  เป็นผู้ระคนด้วยเครื่องระคนคือเวร
ย่อมไม่พ้นจากเวรได้.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   นางยักษิณีตั้งอยู่ในสรณะทั้งหลาย  สมาทานศีล 5  พ้นแล้วจากเวร  ฝ่ายกุลธิดานั้น  ตั้งอยู่ในโสดาบัตติผล  พระธรรมเทศนามีประโยชน์  แม้แก่บุคคลผู้ประชุมกันแล้ว.

No comments:
Write comments