KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 18, 2017

๑.เรื่องบุรพกรรมของพระองค์

Posted by   on Pinterest

เรื่องบุรพกรรมของพระองค์




พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน   ทรงปรารภบุรพกรรมของพระองค์  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  มตฺตาสุขปริจจาคา  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง  เกิดภาวะขาดแคลนอาหารในเมืองไพศาลี  จุดเริ่มต้นมาจากการเกิดภาวะฝนแล้งขึ้นก่อน   เมื่อเกิดภาวะฝนแล้งนี้ก็ทำให้การทำนาทำไร่ไม่ได้ผล   ประชาชนจึงไม่มีอาหารรับประทานอย่างเพียงพอ  ทำให้สูญเสียชีวิตเพราะความอดอยาก   ติดตามมาด้วยการเกิดโรคระบาด  เนื่องจากมีซากศพของคนตายมากจนไม่สามารถฝังหรือเผาได้ทัน  มีกลิ่นของซากศพเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่วเมือง  กลิ่นเหม็นนี้จึงดึงดูดให้พวกอมนุษย์ให้เข้ามาเมืองเพื่อกินซากศพ  เพราะฉะนั้น ในตอนนั้น  ชาวเมืองจึงประสบกับภัย  3  อย่างพร้อมๆกัน  คือ 1. ภัยเกิดจากหาอาหารได้ยาก  2.ภัยเกิดจากอมนุษย์  และภัยเกิดจากโรคระบาด  เมื่อเกิดภัยเหล่านี้ขึ้นมา  ชาวเมืองไพศาลีต่างก็แสวงหาที่พึ่ง  จากแหล่งต่างๆที่พวกเขาคิดว่าจะมาช่วยเหลือเพื่อขจัดปัดเป่าภัยเหล่านี้ได้  และในที่สุดพวกเขาตัดสินใจไปทูลอัญเชิญพระศาสดาเสด็จมาสู่เมืองไพศาลี  ทั้งนี้ก็โดยเข้าใจว่าพระองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีฤทธิ์มาก  มีอานุภาพมาก  ทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์  เมื่อพระองค์เสด็จมาสู่เมืองไพศาลีแล้ว  ภัยต่างๆก็จะสงบลงได้   ดังนั้น  ชาวเมืองไพศาลีจึงได้ส่งคณะของเจ้ามหาลิเจ้าชายแห่งลิจฉวีและบุตรของปุโรหิตไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร   เพื่อขอประทานทานวโรกาสให้พระศาสดาเสด็จมาโปรดชาวเมืองไพศาลี   และพระศาสดาทรงรับคำอาราธนา  เพราะทรงทราบด้วยพระญาณพิเศษว่า  “ในเมืองไพศาลี  เมื่อเราสวดรตนสูตร  อาชญาจักแผ่ไปตลอดแสนโกฏิจักรวาล  ในกาลจบพระสูตร  การบรรลุธรรมจักมีแก่สัตว์แปดหมื่นสี่พัน  ภัยเหล่านั้นก็จักสงบไป”

เมื่อพระศาสดาทรงรับคำอาราธนาเสด็จเยือนเมืองไพศาลีครั้งนี้แล้ว  พระเจ้าพิมพิสารทรงรับสั่งให้ซ่อมแซมถนนหนทางระหว่างกรุงราชคฤห์กับฝั่งแม่น้ำคงคา   ทรงรับสั่งให้ตระเตรียมการต่างๆ  เช่น ที่ประทับของพระศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์ในทุกระยะทางหนึ่งโยชน์  เป็นต้น เมื่อการตระเตรียมต่างๆสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พระศาสดาก็ได้เสด็จไปยังเมืองไพศาลี  พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์  จำนวน  500 รูป  โดยพระเจ้าพิมพิสารได้ตามเสด็จในครั้งนี้ด้วย  ในวันที่  5  คณะเสด็จของพระศาสดาก็มาถึงที่ฝั่งแม่น้ำคงคา  พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงส่งข่าวไปถึงพวกเจ้าลิจฉวีทั้งหลายเพื่อให้รับช่วงการเสด็จต่อไป   ซึ่งทางอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคงคานั้น  พวกเจ้าลิจฉวีก็ได้มีการตระเตรียมต้อนรับพระศาสดาเช่นเดียวกันโดยได้ทำการซ่อมแซมถนนหนทางเสด็จจากฝั่งแม่น้ำคงคาถึงกรุงไพศาลี   ตลอดจนสร้างที่ประทับของพระศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์ไว้ตามจุดต่างๆทุกระยะทางหนึ่งโยชน์เหมือนอย่างที่ทางพระเจ้าพิมพิสารทรงสร้าง  ครั้นพระศาสดาได้เสด็จข้ามแม่น้ำคงคา  พร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์แล้ว  พระเจ้าพิมพิสาร ก็ได้ประทับเพื่อรอรับการเสด็จกลับของพระศาสดา ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคานั่นเอง

ทันทีที่พระศาสดาและภิกษุสงฆ์เสด็จข้ามถึงอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคงคา  ก็ได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ภาวะฝนแล้งที่เกิดขึ้นเป็นเวลายาวนานก็ได้พลันมลายหายไป  เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก  น้ำฝนได้ไหลพัดพาเอาซากศพที่เน่าเหม็นมนุษย์ลงสู่แม่น้ำคงคา  ทำให้เมืองไพศาลีสะอาด  ปราศจากสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็นทั้งปวง  พระศาสดาได้ประทับที่เรือนพักรับรองที่ทางเจ้าลิจฉวีจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษที่กลางเมืองไพศาลี  ท้าวสักกเทวราช  พร้อมด้วยเทวดาทั้งหลาย  ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์มาถวายบังคมพระศาสดา   ส่งผลทำให้พวกอมนุษย์บางพวกที่เข้ามาอยู่ในเมืองต้องหลบหนีออกไปอยู่ห่างจากเมืองไป  เพราะไม่สามารถอยู่ในที่ชุมนุมของเหล่าเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ได้  ในเย็นวันนั้นเอง  พระศาสดารับสั่งให้พระอานนท์เรียนพระปริตรชื่อ รัตนสูตร (ซึ่งคำสวดขึ้นต้นด้วย  ยานีธ  ภูตานิ  สมาคตานิฯลฯ) จากพระองค์จนจำได้ขึ้นใจก่อน จากรับทรงสั่งให้นำบาตรของพระองค์มาใส่น้ำพุทธมนต์   ทรงให้พระอานนท์เดินตามพวกเจ้าลิจฉวีที่ถือบาตรน้ำมนต์นั้นนำหน้า แล้วทำการสวดรัตนสูตรและประพรมน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ในระหว่างกำแพงทั้งสามชั้นของเมืองไพศาลี  เมื่อพระอานนท์ทำอยู่อย่างนี้เป็นเวลา 7  วัน  ด้วยอานุภาพของพระปริตรที่ชื่อ รัตนสูตร นี้  ทำให้คนป่วยเป็นจำนวนมากหายจากโรคระบาด  และเดินตามพระอานนท์ไปเฝ้าพระศาสดา  เมื่อถึงวันที่ 7  สถานการณ์ในเมืองไพศาลีก็กลับคืนสู่ภาวะปกติปกติ  ภัยทั้งสามก็ได้หายไปจนหมดสิ้น  พวกเจ้าลิจฉวีและประชาชนชาวเมืองไพศาลีต่างมีความยินดีปรีดา  ต่างสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระศาสดา  และได้ตามเสด็จส่งพระศาสดาจนถึงฝั่งแม่น้ำคงคา  คและพระเจ้าพิมพิสาร  ตลอดจนเหล่าทวยเทพ  พระพรหม  และพระยานาคทั้งหลาย  ก็ได้รอรับเสด็จพระศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์   จากนั้นพระศาสดาและภิกษุสงฆ์ได้เสด็จเยือนนาคภพของพระยานาคเพื่อโปรดพระยานาคทั้งหลาย    เมื่อเสร็จสิ้นการเยือนนาคพิภพแล้วก็ได้เสด็จคืนสู่กรุงราชคฤห์

เมื่อคณะของพระศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์กลับถึงกรุงราชคฤห์แล้ว  พวกภิกษุเมื่อกลับจากบิณฑบาตแล้ว  ในเวลาเย็นวันหนึ่ง   ได้นั่งสนทนากันในธรรมสภาว่า  “น่าชม!  อานุภาพของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย  น่าประหลาดใจ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันเลื่อมใสในพระศาสดา  พระราชาทั้งหลายทรงทำพื้นที่ให้สม่ำเสมอในหนทาง 8 โยชน์  ทั้งฝั่งนี้ฝั่งโน้นแห่งแม่น้ำคงคา  เกลี่ยทรายลง  ลาดดอกไม้สีต่างๆ  โดยส่วนสูงประมาณเพียงเข่า  ด้วยความเลื่อมใสอันไปแล้วในพระพุทธเจ้า  น้ำในแม่น้ำคงคาก็ดาดาษ  ด้วยดอกปทุม 5 สี  ด้วยอานุภาพนาค  เทวดาทั้งหลายก็ยกฉัตรซ้อนๆกันขึ้นตลอดถึงอกนิฏฐภพ  ห้องจักรวาลทั้งสิ้นเกิดเป็นเพียงดังว่ามีเครื่องประดับเป็นอันเดียว  และมีมหรสพเป็นอันเดียว”  พระศาสดาได้ตรัสบอกภิกษุทั้งหลายที่สนทนากันนั้นว่า “ภิกษุทั้งหลาย  เครื่องบูชาและสักการะนี้  มิได้บังเกิดขึ้นแก่เราด้วยพุทธานุภาพ  มิได้เกิดขึ้นด้วยอานุภาพนาคเทวดาและพรหม  แต่ว่าเกิดด้วยอานุภาพแห่งการบริจาคมีประมาณน้อยในอดีต”  จากนั้น  พระศาสดาได้ทรงนำเรื่อง  สุสิมมาณพ  มาตรัสเล่า  และได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า


มตฺตาสุขปริจจาคา
ปสเส  เจ  วิปุลํ  สุขํ
จเช  มตฺตาสุขํ  ธีโร
สมฺปสสํ  วิปุลํ  สุขํ ฯ

ถ้าบุคคลพึงเห็นสุขอันไพบูลย์
เพราะสละสุขพอประมาณเสีย
ผู้มีปัญญา  เมื่อเห็นสุขอันไพบูลย์
ก็พึงสละสุขพอประมาณเสีย
(จึงจะได้พบสุขอันไพบูรณ์).

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

No comments:
Write comments