เรื่องกุหกพราหมณ์
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ทรงปรารภกุหกพราหมณ์ ผู้มีวัตรดังค้างคาว ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า กินฺเต เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง พราหมณ์หลอกลวงคนหนึ่ง ปีนขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ประตูเมืองไพศาลี แล้วเอาเท้าสองข้างเกี่ยวกิ่งไม้แล้วห้อยศีรษะลงมา ปากก็พร่ำบอกคนที่ผ่านไปผ่านมาว่า “ ท่านทั้งหลายจงให้โคแดง 100 ตัวแก่เรา จงให้กหาปณะแก่เรา จงให้หญิงบำเรอแก่เรา ถ้าทั้งหลายไม่นำมาให้ เราตกจากต้นกุ่มนี้ตาย บ้านเมืองนี้ก็จะวายวอด” พวกชาวเมืองกลัวว่าเขาจะตกมาตาย ก็พากันนำสิ่งของทั้งปวงที่เขาร้องขอนั้นไปให้ ภิกษุทั้งหลายเห็นพฤติกรรมของพราหมณ์ผู้นี้แล้ว ก็ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า “ ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์นั้น เป็นโจรหลอกลวงในกาลนี้เท่านั้นหามิได้ ถึงในกาลก่อน ก็เป็นโจรหลอกลวงแล้วเหมือนกัน ก็บัดนี้ พราหมณ์นั้นย่อมหลอกลวงพาลชนได้ แต่ในกาลนั้น ไม่อาจหลอกลวงบัณฑิตทั้งหลายได้” และได้ทรงนำเรื่องในอดีตมาเล่า ซึ่งมีเนื้อความกล่าวถึงฤาษีติดใจในรสของเนื้อเหี้ยที่มีคนนำมาถวาย จึงได้ลืมภาวะความเป็นฤาษีจะฆ่าเหี้ยเพื่อจะนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทาน แต่เหี้ยพระโพธิสัตว์รู้ทัน จึงไม่สามารถฆ่าได้สำเร็จ จากนั้นพระศาสดา ได้ตรัสประมวลชาดกว่า ฤาษีเมื่อครั้งอดีตคือพราหมณ์หลอกลวงในบัดนี้ ส่วนเหี้ยในอดีตนั้นก็คือพระองค์เอง
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
กินฺต ชฏาหิ ทุมฺเมธ
กินเต อชินสาฏิยา
อพฺภนฺตรนฺเต คหนํ
พาหิรํ ปริมชฺชสิ ฯ
ผู้มีปัญญาทราม
ประโยชน์อะไรด้วยชฎาทั้งหลายของเธอ
ประโยชน์อะไรด้วยผ้าที่ทำด้วยหนังเนื้อชื่ออชินะของเธอ
ภายในของเธอรกรุงรัง
เธอย่อมเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments