เรื่องเทวหิตพราหมณ์
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภปัญหาของเทวหิตพราหมณ์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ปุพฺเพนิวาสํ เป็นต้น
ในสมัยหนึ่ง พระศาสดา ทรงอาพาธด้วยพระวาโย(ลม)กำเริบ ทรงส่งพระอุปวานเถระไปขอน้ำร้อนจากเทวหิตพราหมณ์ พราหมณ์นั้นมีความดีใจมากที่นานครั้งจะได้มีโอกาสถวายสิ่งของแด่พระศาสดา ดังนั้นนอกจากจะถวายน้ำร้อนมาแล้ว พราหมณ์นั้นก็ยังถวายน้าอ้อยมาพร้อมกันด้วย เมื่อกลับมาถึงวัดพระเชตวันแล้ว หลังจากที่ทรงสงน้ำแล้ว พระอุปวานะก็ได้น้อมถวายน้ำร้อนและน้ำอ้อย เมื่อพระศาสดาทรงเสวยของทั้งสองอย่างเข้าไปแล้วอาการพระวาโยกำเริบก็หายไป ต่อมาพราหมณผู้นั้นได้มาเฝ้าพระศาสดาและกราบทูลถามว่า “บุคคลควรให้ไทยธรรมในบุคคลไหน ? ไทยธรรมวัตถุอันบุคคลให้ในบุคคลไหน ? จึงมีผลมาก ทักษิณาของบุคคลผู้บูชาอยู่อย่างไรเล่า ? จะสำเร็จได้อย่างไร ?” พระศาสดาตรัสว่า “ไทยธรรมวัตถุ ที่บุคคลให้แก่พราหมณ์ผู้เช่นนี้ ย่อมมีผลมาก”
เมื่อจะตรัสบอกบุคคลผู้เป็นพราหมณ์แก่พราหมณ์นั้น จึงตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
ปุพฺเพนิวาสํ เย เวทิ
สคฺคาปายญฺจ ปสฺสติ
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต
อภิญฺญา โวสิโต มุนิ
สพฺพโวสิตโวสานํ
ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ
บุคคลรู้ขันธ์ที่อาศัยอยู่ในก่อน
ทั้งเห็นสวรรค์และอบาย
อนึ่ง บรรลุความสิ้นไปแห่งชาติ
เสร็จกิจแล้ว เพราะรู้ยิ่ง
เป็นมุนี เราเรียกบุคคลนั้น
ซึ่งมีพรหมจรรย์อันอยู่เสร็จสรรพแล้ว
ว่าเป็นพราหมณ์.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น แม้พราหมณ์มีจิตเลื่อมใส ตั้งอยู่ในสรณะสาม ประกาศตนเป็นอุบาสกแล้ว.
No comments:
Write comments