เรื่องปัญหาของพระอานนทเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี เมื่อจะแก้ปัญหาของพระอานนทเถระ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 54 และพระคาถาที่ 55 ว่า
ขณะที่พระอานนทเถระกำลังปลีกวิเวกนั่งอยู่ตามลำพังในตอนเย็นวันหนึ่ง ท่านก็ได้คิดถึงกลิ่นและของหอมต่างๆ ท่านจึงความสงสัยขึ้นในใจว่า “กลิ่นเกิดจากราก กลิ่นเกิดจากแก่น กลิ่นเกิดจากดอก กลิ่นทุกอย่างมีแต่หอมตามลม หอมทวนลมไม่ได้ จะมีกลิ่นอะไรไหม ที่สามารถฟุ้งกระจายไปได้ ทั้งตามลมและทวนลม” ท่านพระอานนทเถระไม่ต้องการหาคำตอบเอง จึงได้ไปทูลถามพระศาสดา และพระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ คนที่ยึดพระรัตนตรัย(คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์) เป็นที่พึ่ง เป็นผู้รักษาศีล 5 มีใจโอบอ้อมอารี มีความไม่ตระหนี่ บุคคลผู้เช่นนี้ย่อมชื่อว่า ผู้มีคุณธรรมความดี และเป็นผู้สมควรได้รับการยกย่อง เกียรติภูมิของผู้เช่นนี้ย่อมขจรไปได้ไกล และสมณะ พราหมณ์ อุบาสกอุบาสิกาย่อมกล่าวสรรเสริญเขา ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ใด”
จากนั้นพระศาสดาตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 54 และพระคาถาที่ 55 ว่า
น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ
น จนฺทนํ ตครมลฺลิกา วา
สตญฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ
สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติฯ
กลิ่นดอกไม้ ฟุ้งทวนลมไม่ได้
กลิ่นจันทน์ กฤษณา หรือมะลิ
ก็ฟุ้งทวนลมไม่ได้
ส่วนกลิ่นของสัตบุรุษหอมฟุ้งไปได้ทั่วทุกทิศฯ
จนฺทนํ ตครํ วาปิ
อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี
เอเตสํ คนฺธชาตานํ
สีลคนฺโธ อนุตฺตโรฯ
จันทน์ กฤษณา
ดอกอุบล หรือดอกมะลิ
กลิ่นศีลยอดเยี่ยมกว่ากลิ่นของสิ่งเหล่านั้น.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น พระสัทธรรมเทศนา มีประโยชน์แก่มหาชนแล้ว.
No comments:
Write comments