เรื่องพระอนาคามิเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระผู้อนาคามีองค์หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ฉนฺทชาโต เป็นต้น
วันหนึ่ง พวกสัทธิวิหาริก ถามพระเถะผู้อุปัชฌายะว่า “ท่านอาจารย์ ท่านบรรลุธรรมพิเศษอะไรแล้วหรือยัง ?” พระเถระผู้อุปัชฌายะไม่ได้ตอบอะไร ทั้งๆที่ท่านเป็นผู้ได้บรรลุอนาคามี ที่พระเถระไม่บอกเพราะตั้งใจไว้ว่าจะบอกก็ต่อเมื่อท่านได้บรรลุพระอรหัตตผลแล้วเท่านั้น แต่ในที่สุดพระเถระได้มรณภาพโดยที่ยังไม่ได้บรรลุพระอรหัตตผล และท่านก็ยังไม่ได้บอกเรื่องบรรลุคุณวิเศษแก่เหล่าสัทธิวิหาริก
พวกสัทธิวิหาริก คิดกันว่าอุปัชฌายะของพวกตนมรณภาพโดยที่ยังไม่ได้บรรลุมรรคผลใดๆ ก็มีความเสียใจ พากันไปเข้าเฝ้าพระศาสดา แล้วทูลถามที่เกิดของอุปัชฌายะของพวกตน พระศาสดาตรัสว่า อุปัชฌายะของพระเหล่านั้น เป็นพระอนาคามีก่อนจะมรณภาพ และได้ไปเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ในตอนท้ายได้ตรัสว่า “วางใจเสียเถิด ภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะของพวกเธอ ถึงความเป็นผู้มีจิตไม่เกี่ยวเกาะในกามทั้งหลาย มีกระแสในเบื้องบน”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
ฉนฺทชาโต อนกฺขาเต
มนสา จ ผุโฏ สิยา
กาเมสุ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต
อุทฺธํโสโตติ วุจจติ ฯ
ภิกษุ ผู้มีฉันทะเกิดแล้ว
ในพระนิพพานอันใครๆบอกไม่ได้
พึงเป็นผู้อันใจถูกต้องแล้วก็ดี
ผู้มีจิตไม่เกี่ยวเกาะในกามทั้งหลายก็ดี
ท่านเรียกว่า ผู้มีกระแสในเบื้องบน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุเหล่านั้น บรรลุพระอรหัตตผล พระธรรมเทศนา เป็นประโยชน์แก่มหาชน.
No comments:
Write comments