เรื่องอุบาสกห้าคน
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภอุบาสก 5 คน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า โย ปาณมติมาเปติ เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง อุบาสก 5 คนได้ไปรักษาอุโบสถศีลอยู่ที่วัดพระเชตวัน อุบาสกแต่ละคนรักษาศีลเพียง 1-2 ข้อใน 8 ข้อนั้น คนที่รักษาศีลข้อใดก็จะบอกว่าศีลที่ตนรักษาเป็นข้อที่รักษายากที่สุด จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ในที่สุดอุบาสกทั้ง 5 คนก็ได้ไปเฝ้าพระศาสดา เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง พระศาสดาตรัสว่า “ศีลทั้งหมด เป็นของรักษาโดยยากทั้งนั้น”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท สามพระคาถานี้ว่า
โย ปาณมติมาเปติ
มุสาวาทญฺจ ภาสติ
โลโก อทินฺนํ อาทิยติ
ปรทารญฺจ คจฺฉติ ฯ
สุราเมรยปานญฺจ
โย นโร อนุยุญฺชติ
อิเธวะเมโส โลกสฺมึ
มูลํ ขนติ อตฺตโน ฯ
เอวํ โภ ปุริส ชานาหิ
ปาปธมฺมา อสญฺญตา
มา ตํ โลโภ อธมฺโม จ
จืรํ ทุกฺขาย รนฺธยุ ฯ
นระใด ย่อมยังสัตว์มีชีวิต ให้ตกล่วงไป 1
กล่าวมุสาวาท 1
ถือเอาทรัพย์ที่บุคคลอื่นไม่ให้ในโลก 1
ถึงภริยาของคนอื่น1.
อนึ่ง นระใด ย่อมประกอบเนืองๆ
ซึ่งการดื่มสุราและเมรัย
นระนี้ ชื่อว่า ย่อมขุดซึ่งรากเหง้าของตนในโลกนี้ทีเดียว.
บุรุษผู้เจริญ ท่านจงทราบอย่างนี้ ว่า
บุคคลผู้มีบาปธรรมทั้งหลาย
ย่อมเป็นผู้ไม่สำรวมแล้ว
ความโลภและสภาพมิใช่ธรรม จงอย่ารบกวนท่าน
เพื่อความทุกข์ ตลอดกาลนานเลย.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง อุบาสก 5 คนนั้น บรรลุโสดาปัตติผล. พระธรรมเทศนา มีประโยชน์ แม้แก่ชนผู้มาประชุมกัน.
No comments:
Write comments