เรื่องกุลบุตรคนใดคนหนึ่ง
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภกุลบุตรคนใดคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า มลิตตฺถิยา ทุจฺจริตํ เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง ภรรยาของของชายผู้หนึ่งประพฤตินอกใจสามี จำเดิมแต่นั้นมา ชายผู้นั้นมีความละอายใจเพราะการประพฤตินอกใจของนาง จึงไม่กล้าพบหน้าใครๆ และก็เลิกบำเพ็ญกุศลมีการบำรุงพระพุทธเจ้าเป็นต้น หลังจากนั้น 2-3 วัน ได้เข้าเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง เมื่อพระศาสดาตรัสว่า “อุบาสก เพราะเหตุใด เราจึงไม่ค่อยเห็นท่าน” เขาจึงได้ทูลเรื่องที่ภรรยาของเขามีชู้ พระศาสดาตรัสว่า “ อุบาสก แม้ในกาลก่อน เราก็ได้กล่าวแล้วว่า ขึ้นชื่อว่าสตรีทั้งหลาย เป็นเช่นกับแม่น้ำเป็นต้น บัณฑิตไม่ควรทำความโกรธในสตรีเหล่านั้น แต่ท่านจำไม่ได้ เพราะความเป็นผู้อันภพปกปิดไว้” จากนั้นได้ทรงนำเรื่องราวในอดีตชาติมาตรัสว่า “ธรรมดาสตรีในโลก เป็นเหมือนแม่น้ำ หนทาง โรงดื่ม ที่พัก และบ่อน้ำ เวลาย่อมไม่มีแก่สตรีเหล่านั้น”
และตรัสว่า” ก็อุบาสก ความเป็นผู้มักประพฤตินอกใจ เป็นมลทินของสตรี ความตระหนี่ เป็นมลทินของผู้ให้ทาน อกุศลกรรม เป็นมลทินของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้และโลกหน้า เพราะอรรถว่า เป็นเครื่องยังสัตว์ให้ฉิบหาย แต่อวิชชา เป็นมลทินอย่างยอดยิ่ง กว่ามลทินทั้งปวง”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
มลิตฺถิยา ทุจฺจริตํ
มจฺเฉรํ ททโต มลํ
มลา เว ปาปกา ธมฺมา
อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ ฯ
ตโต มลา มลตรํ
อวิชฺชา ปรมํ มลํ
เอตํ มลํ ปหนฺตฺวาน
นิมฺมลา โหถ ภิกฺขโว ฯ
ความประพฤติชั่ว เป็นมลทินของสตรี
ความตระหนี่ เป็นมลทินของผู้ให้
ธรรมอันลามกทั้งหลาย เป็นมลทินแล
ทั้งในโลกนี้ ทั้งในโลกหน้า .
เราบอกมลทินอันยิ่งกว่ามลทินนั้น
อวิชชาเป็นมลทินอย่างยิ่ง
ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย
ละมลทินนั่นได้แล้ว ย่อมเป็นผู้หมดมลทิน.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments