เรื่องพระลกุณฏกภัททิยเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระลกุณฏกภัททิยเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า มาตรํ ปิตรํ หนฺตวา เป็นต้น
วันหนึ่ง ภิกษุอาคันตุกะหลายรูปด้วยกัน เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ซึ่งประทับนั่ง ณ ที่ประทับกลางวัน ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ขณะนั้น พระลกุณฏกภัททิยเถระเดินผ่านไปในที่ไม่ไกลจากพระศาสดา
พระศาสดา ทรงทราบวารจิต(คือความคิด) ของภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นหรือไม่ ?
ภิกษุนี้ฆ่ามารดาบิดาแล้ว เป็นผู้ไม่มีทุกข์ ไปอยู่ ?” เมื่อภิกษุเหล่านั้นมองดูหน้ากันและกัน เกิดความสงสัยว่า “พระศาสดา ตรัสอะไรอย่างนี้ ?”
พระศาสดาทรงทราบวารจิต จึงตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา
ราชาโน เทฺว จ ขตฺติเย
รฏฺฐํ สานุจรํ หนฺตฺวา
อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ ฯ
มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา
ราชาโน เทฺว จ โสตฺถิเย
เวยยคฺฆปญฺจมํ หนฺตฺวา
อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ ฯ
บุคคลฆ่ามารดาบิดา
ฆ่าพระราชาผู้กษัตริย์ 2 พระองค์
และฆ่าแว่นแคว้นพร้อมด้วยเจ้าพนักงาน
เก็บส่วยแล้ว เป็นพราหมณ์
ไม่มีทุกข์ ไปอยู่.
บุคคลฆ่ามารดาบิดา
ฆ่าพระราชาผู้เป็นพราหมณ์ทั้ง 2 ได้แล้ว
และฆ่าหมวด 4 แห่งนิวรณ์มิวิจิกิจฉานิวรณ์
เช่นกับหนทางที่เสือโคร่งเที่ยวไปที่ 5
แล้ว เป็นพราหมณ์ ไม่มีทุกข์ ไปอยู่.
หมายเหตุ ในพระธรรมบท สองพระคาถานี้ พระศาสดาหมายถึงอริยบุคคลผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งได้กำจัด ตัณหา อัสมิมานะ ทิฏฐิ อายตนะ 12 ที่ตรัสเช่นนั้นเป็นการใช้คำเชิงเปรียบเทียบ คำว่า “มารดา” และ “บิดา” ทรงใช้หมายถึง ตัณหา และอัสมิมานะ ตามลำดับ ส่วนสัสสสทิฏฐิ และ อุจเฉททิฏฐินั้น ทรงเปรียบว่าเหมือนกษัตริย์ 2 พระองค์ ความกำหนัดด้วยความยินดี ซึ่งอาศัยอายตนะ 12 นั้น เป็นดุจคนเก็บส่วย ส่วนอายตนะภายใน 6 และอายนตะภายนอก 6 รวมเป็นอายตนะ 12 นั้น เปรียบกับ แว่นแคว้น เพราะมีความกว้างขวาง
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุเหล่านั้น บรรลุอรหัตตผลแล้ว.
No comments:
Write comments