KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 16, 2017

๔.เรื่องมารดาของพระกุมารกัสสปเถระ

Posted by   on Pinterest

เรื่องมารดาของพระกุมารกัสสปเถระ



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู๋ในพระเชตะวัน  ทรงปรารภมารดาของพระกุมารกัสสปเถระ   ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  “อตฺตา  หิ  อตฺตโน  นาโถ”  เป็นต้น

ธิดาเศรษฐีในกรุงราชคฤห์ผู้หนึ่ง    ได้ไปขออนุญาตสามีเพื่อบวชเป็นภิกษุณี  เมื่อเข้าไปบวชนั้นได้ไปอยู่ในสำนักของนางภิกษุณีของฝ่ายพระเทวทัตเพราะความไม่รู้   ธิดาเศรษฐีผู้นี้ตั้งครรภ์มาตั้งแต่ก่อนบวชเป็นภิกษุณีแต่นางไม่รู้  พอเข้าไปอยู่ในสำนักภิกษุณีไม่นานครรภ์ของนางก็เริ่มโตขึ้นๆ  พวกภิกษุณีทั้งหลายจึงพานางเข้าไปพบพระเทวทัต  พระเทวทัตก็ได้สั่งให้นางสึกออกไปเป็นคฤหัสถ์ดังเดิม  แต่นางได้แจ้งแก่ภิกษุณีอื่นๆว่า  นางไม่ได้ตั้งใจบวชเป็นภิกษุณีอยู่ในฝ่ายพระเทวทัต  แต่มาอยู่เพราะความไม่รู้  ขอท่านได้โปรดพานางไปเข้าเฝ้าพระศาสดาที่พระเชตะวันด้วยเถิด  ต่อมานางก็ได้ถูกพาตัวไปเข้าเฝ้าพระศาสดา  พระศาสดาทรงทราบเป็นอย่างดีว่า นางตั้งครรภ์ตั้งแต่ก่อนที่จะมาบวชเป็นภิกษุณี  แต่เพื่อจะไม่ให้เกิดข้อครหาในภายหลัง  จึงได้รับสั่งให้คนไปเชิญพระเจ้าปเสนทิโกศล  มหาอนาถปิณฑิกเศรษฐี  จุลลอนาถปิณฑิกเศรษฐี  นางวิสาขา  และบุคคลในตระกูลใหญ่อื่นๆมาเฝ้า  แล้วรับสั่งให้พระอุบาลีเถระชำระอธิกรณ์ในครั้งนี้   นางวิสาขาได้นำนางภิกษุณีผู้มีครรภ์เข้าไปอยู่ในม่าน แล้วทำการตรวจสอบตามมือเท้าสะดือและท้องของนางก็แน่ใจว่านางตั้งครรภ์มาตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาส  จึงได้นำเรียนพระอุบาลีได้ทราบ  พระอุบาลีจึงได้ประกาศในท่ามกลางคณะบุคคลที่ชุมนุม ณ ที่นั้นว่า  นางภิกษุณีเป็นผู้บริสุทธิ์  เมื่อตั้งครรภ์ครบ 10  เดือน นางภิกษุณีก็ได้คลอดบุตรเป็นเพศชาย   และถูกพระเจ้าปเสนทิโกศลนำไปทรงเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม  และทรงตั้งชื่อให้ว่า  กุมารกัสสปะ  เมื่อทารกกุมารกัสสปะอายุได้  7 ขวบ และทราบว่ามารดาของตนเป็นภิกษุณี  ก็ได้ออกบวชเป็นสามเณร อยู่ในสำนักของพระศาสดา  เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วจึงได้นามว่า  กุมารกัสสปเถระ  ท่านกุมารกัสสปเถระ  ได้เรียนพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้วเข้าอยู่ในป่า  และได้บำเพ็ญสมณธรรมอย่างไม่ลดละ  ชั่วเวลาไม่นานนักก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์  หลังจากสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว  ท่านก็ยังอยู่ในป่าต่อไปเป็นเวลา 12 ปี

ข้างภิกษุณีผู้มารดาของพระกุมารกัสสปเถระ  ไม่ได้พบพระเถระผู้บุตรเป็นเวลายาวนานถึง  12 ปี  ก็มีความกระหายใคร่พบพระเถระเป็นอย่างมาก  อยู่มาวันหนึ่ง  ขณะที่นางกำลังเดินบิณฑาตอยู่นั้น  ได้แลเห็นพระเถระผู้บุตรเดินอยู่ที่ถนน ก็วิ่งตามพระเถระพลางร้องให้เรียกชื่อพระเถระไปพลาง   พระกุมารกัสสปเถระ  เมื่อเห็นเป็นมารดา  ก็คิดว่า  หากว่าท่านพูดดีด้วยกับมารดา  นางก็จะยึดติดอยู่กับตัวท่านอยู่  ก็จะเป็นการทำลายอนาคตของนาง  ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ในอนาคตคือการบรรลุนิพพานของมารดา  พระเถระจึงได้กล่าวาจาหยาบคายออกไปว่า  “ท่านมัวทำอะไรอยู่หรือ  แค่ความรักเล็กน้อยในบุตร  ท่านก็ยังตัดไม่ได้”  เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรเช่นนั้น  นางภิกษุณีถึงกับตะลึง  คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากปากของบุตร นางรำพึงในใจว่า “เราร้องไห้ถึงบุตรนี้มาเป็นเวลานานถึง 12 ปี  แต่เขากลับเป็นคนใจดำกับเรา  จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะไปมัวรักมัวพะวงถึงเขา “  พอคิดได้เช่นนี้  นางก็ตัดความรักในบุตร  และก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันเดียวกันนั้นเอง

อยู่มาวันหนึ่ง  ภิกษุทั้งหลายได้ตั้งกระทู้ถามกันในธรรมสภาว่า  “ท่านทั้งหลาย  พระกุมารกัสสปเถระ  และพระเถรีเป็นคนดีแท้ๆ  แต่ถูกพระเทวทัตทำลาย   ดีแต่ว่าพระศาสดาไดเข้าช่วยเกื้อหนุนอุ้มชูไว้จึงเป็นอย่างนี้ได้  น่าอัศจรรย์จริง  ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงช่วยเหลือชาวโลก”  เมื่อพระศาสดาได้ทราบในกระทู้ของการสนทนา ได้ตรัสว่า  มิใช่แต่ในชาตินี้เท่านั้นที่พระองค์  เก้อหนุนอุ้มบุคคลทั้งสองไว้  แม้ในอดีตพระองค์ก็เคยช่วยมาแล้ว  และได้ตรัสนิโครธชาดก  ที่กล่าวถึงแม่เนื้อซึ่งกำลังครรภ์แก่ได้รับความช่วยเหลือจากพระยาเนื้อจนไม่ต้องขึ้นเขียงตายทั้งกลม  ต่อจากนั้นก็ได้ตรัสว่า การที่พระเถรีตัดความรักในบุตรแล้วหันมาพึ่งตนเองนั้น  เป็นสิ่งงถูกต้อง เพราะ “ภิกษุทั้งหลาย  คนจะไปสวรรค์  หรือจะบรรลุพระนิพพานได้นั้น  จะต้องพึ่งตนเอง  จะไปพึ่งคนอื่นไม่ได้”

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

อตฺตา  หิ  อตฺตโน   นาโถ
โก   หิ  นาโถ  ปโร  สิยา
อตฺตนา   หิ  สุทนฺเตน
นาถํ  ลภติ  ทุลฺลภํ  ฯ

ตนแลเป็นที่พึ่งของตน  บุคคลอื่นใครเล่า
พึงเป็นที่พึ่งได้  เพราะบุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่ง  ที่บุคคลได้โดยยาก.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

No comments:
Write comments