เรื่องโจรผู้ทำลายปม
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกโจรผู้ทำลายปม(โจรล้วงกระเป๋า) ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 63 นี้
ครั้งหนึ่ง โจรผู้ทำลายปม(โจรล้วงกระเป๋า) 2 คน ไปที่พระเชตวันกับอุบาสกอุบาสิกาเพื่อจะฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา ในโจรล้วงกระเป๋า 2 คนนี้ คนหนึ่งตั้งใจฟังธรรมจนได้บรรลุพระโสดาปัตติผล แต่โจรอีกคนหนึ่งไม่ได้สนใจฟังธรรมแต่มุ่งที่จะล้วงกระเป๋าอย่างเดียว และก็สามารถล้วงเงินจำนวนหนึ่งไปจากอุบาสกคนหนึ่งได้สำเร็จ หลังจากจบพระธรรมเทศนาแล้วทั้งสองโจรนั้นก็ได้เดินทางกลับบ้าน โจรคนที่ล้วงกระเป๋าได้สำเร็จนั้นได้นำเงินไปซื้อสิ่งของมาทำอาหารรับประทาน ส่วนโจรคนที่ได้บรรลุพระโสดาบันไม่มีเงินไปซื้อของมาทำอาหารรับประทาน โจรคนที่ล้วงกระเป๋ามาสำเร็จและภรรยาได้กล่าวเย้ยหยันโจรคนที่เป็นพระโสดาบันว่า “ท่านไม่มีแม้แต่อาหารจะรับประทาน เพราะความฉลาดของท่าน” เมื่อได้ยินคำเย้ยหยันนี้ โจรคนที่ได้บรรลุพระโสดาปัตติผลรำพึงว่า “เจ้าคนนี้ สำคัญตนว่าเป็นบัณฑิต ด้วยความเป็นพาลเจียวหนอ” จากนั้นได้เดินทางไปเฝ้าพระศาสดาพร้อมกับพวกญาติๆ กราบทูลเรื่องนี้แด่พระศาสดา
พระศาสดา เมื่อจะแสดงธรรมแก่เขา จึงตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 63 ว่า
โย พาโล มญฺญติ พาลยํ
ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส
พาโล จะ ปณฺฑิตมานี
ส เว พาโลติ วุจฺจติฯ
คนโง่ รู้สึกตัวว่าเป็นคนโง่
พอจะเป็นคนฉลาดได้บ้าง
เพราะความรู้สึกตัวนั้น
แต่คนโง่ สำคัญตนว่าเป็นคนฉลาดนั้น
เรียกว่าคนโง่แท้.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง มหาชนพร้อมด้วยญาติทั้งหลายของโจรผู้เป็นพระโสดาบัน ได้บรรลุพระโสดาปัตติผล.
No comments:
Write comments