KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 15, 2017

๓.เรื่องพระฉันนเถระ

Posted by   on Pinterest

เรื่องพระฉันนเถระ



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระฉันนเถระ  ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 78 นี้
ท่านพระฉันนะเคยเป็นนายสารถี  ตามเสด็จเจ้าชายสิทธัตถะ ในวันออกมหาภิเนษกรมณ์(ออกบวช)  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนั้น ฉันนะก็ได้ตามมาบวชเป็นพระภิกษุ  แต่เมื่อมาบวชเป็นภิกษุแล้วพระฉันนะกลายแป็นพระหัวดื้อ และมีทิฐิมานะมากโดยทะนงตัวว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับพระศาสดา  พระฉันนะเคยกล่าว่า “เราเมื่อตามเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ กับพระลูกเจ้าของเราทั้งหลายในเวลานั้น มิได้เห็นผู้อื่นแม้สักคนเดียว  แต่บัดนี้  ท่านพวกนี้เที่ยวกล่าวว่า เราชื่อสารีบุตร เราชื่อโมคคัลลานะ  พวกเราเป็นอัครสาวก”

เมื่อพระศาสดาทรงสดับข่าวนั้น จึงได้รับสั่งให้พระฉันนเถระมาเฝ้า แล้วทรงอบรมสั่งสอน ฉันนเถระได้แต่นิ่งเงียบแต่ก็ยังกลับไปด่าว่าพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเหมือนเดิม  พระศาสดารับสั่งให้พระฉันนเถระมาตรัสสอนแบบเดียวนี้ถึง 3 ครั้ง ว่า  “ฉันนะ  อัครสาวกทั้งสองเป็นกัลยาณมิตร เป็นบุรุษชั้นสูงของเธอ เธอจงเสพ จงคบกัลยาณมิตรเห็นปานนี้”

จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 78 ว่า

น ภเช ปาปเก มิตฺเต
น ภเช ปุริสาธเม
ภเชถ มิตฺเต กลฺยาเณ
ภเชถ ปุริสุตฺตเมฯ

ไม่ควรคบมิตรชั่ว
ไม่ควรคบคนต่ำช้า
ควรคบมิตรที่ดี
ควรคบคนสูงสุด.

แม้ว่าจะถูกพระศาสดาว่ากล่าวตักเตือนอย่างไร  พระฉันนเถระก็ยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจและยังคงด่าว่าพระอัครสาวกทั้งสองและพระภิกษุทั้งหลายอยู่ต่อไป  พระศาสดาทรงทราบเช่นนี้ได้ตรัสว่า พระฉันนเถระจะไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระหว่างที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ แต่หลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้วพระฉันนเถระจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้แน่  ในเวลาจวนจะเสด็จปรินิพพาน พระศาสดาได้ตรัสเรียกพระอานนท์มาเฝ้าแล้วตรัสให้ภิกษุสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนเถระ (คือให้ภิกษุทั้งหลายเมินเฉยไม่สมาคมด้วย)

เมื่อพระศาสดาเสด็จปรินิพพานแล้ว  พระฉันนเถระได้ฟังพรหมทัณฑ์ ที่พระอานนทเถระยกขึ้นมากล่าว มีความทุกข์ เสียใจ ล้มสลบถึง 3 ครั้ง แล้ว แล้ววิงวอนว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ  ขอท่านอย่าให้กระผมฉิบหาบเลย” ท่านได้ยอมรับผิดและได้ขอขมาต่อภิกษุทั้งหลาย  จากนั้นไม่นานท่านก็ได้บรรลุพระอรหัตตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย.

No comments:
Write comments