เรื่องนางสิริมา
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภนางสิริมา ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ เป็นต้น
ในสมัยหนึ่ง ที่กรุงราชคฤห์ มีนางนครโสเภณีนางหนึ่งนามว่าสิริมา เป็นผู้มีรูปโฉมงดงามมาก วันหนึ่ง นางสิริมาได้ฟังธรรมจากพระศาสดาแล้วสำเร็จเป็นพระโสดาบัน ตั้งแต่นั้นมานางจะจัดอาหารถวายพระสงฆ์ 8 รูปที่บ้านของนางทุกวันมิได้ขาด พระภิกษุที่ไปรับอาหารบิณฑบาตกลับมาก็จะพากันสรรเสริญเยินยอในความสวยงามของนางและในความอร่อยของรสอาหารและปริมาณของอาหารที่นางจัดมาถวายด้วยตนเอง มีภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งได้ข่าวนี้แล้วก็เกิดหลงรักนางทั้งๆที่ยังไม่เคยเห็นนางด้วยตาของตนเอง ในวันรุ่งขึ้นภิกษุหนุ่มรูปนี้ได้ไปรับบิณฑบาตที่บ้านของนางพร้อมกับภิกษุอื่นๆ วันนั้น นางสิริมาไม่ค่อยสบายแต่นางต้องการไหว้พระภิกษุจึงได้ให้คนพยุงนางเดินมา ภิกษุหนุ่มเห็นนางก็คิดว่า นี่ขนาดนางป่วยอยู่นะ ยังสวยงามถึงขนาดนี้ หากเป็นปกติคงจะสวยงามมาก ก็เลยบังเกิดความรักอย่างแรงกล้าในนาง ถึงกับไม่ยอมฉันอาหาร ปล่อยให้ข้าวในบาตรบูดเน่า และในคืนนั้นเอง นางสิริมาได้เสียชีวิต พระเจ้าพิมพิสารได้ไปเข้ากราบทูลพระศาสดาว่า นางสิริมาซึ่งเป็นน้องสาวของหมอชีวกโกมารภัจ ได้เสียชีวิต พระศาสดาตรัสกะพระเจ้าพิมพิสารว่า ให้ทรงดำเนินการนำศพของนางสิริมาไปเก็บไว้ในป่าช้า ยังไม่ต้องนำไปฝัง เป็นเวลา 3 วัน ในช่วง 3 วันนี้ให้คอยระแวดระวังมิให้แร้งกาหรือสุนัขกินศพนาง พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงปฏิบัติตามที่พระศาสดาทรงแนะนำ พอถึงวันที่ 4 ร่างของนางสิริมาผู้เลอโฉมก็มิได้สวยงามและเป็นที่ปรารถนาของใครๆ เพราะมีสภาพเน่าเฟะและมีตัวหนอนไหลออกมายั้วเยี้ยจากทวารทั้ง 9 ในวันที่ 4 นี้เอง พระศาสดาทรงพาพระภิกษุไปยังป่าช้าแห่งนั้น เพื่อดูซากศพของนาง พระเจ้าพิมพิสารก็ได้เสด็จไปพร้อมกับข้าราชบริพารทั้งหลายด้วย ภิกษุหนุ่มที่หลงรักนางสิริมายังไม่ทราบว่านางมาเสียชีวิต เมื่อได้ข่าวว่าพระศาสดาจะพาพระภิกษุทั้งหลายไปดูนาง ก็ได้ขอร่วมเดินทางไปด้วย ณ ที่ป่าช้าแห่งนั้น ซากศพของนางสิริมาจึงถูกแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์อันมีพระศาสดาเป็นประมุข รวมทั้งพระเจ้าพิมพิสารและข้าราชบริพาร
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสกับพระเจ้าพิมพิสารให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเที่ยวป่าวประกาศโฆษณาว่า จะขายนางสิริมาในราคา 100 0 กหาปณะ แต่ก็ไม่มีใครประสงค์จะซื้อนางสิริมาในราคา 1000 กหาปณะตามที่ประกาศ แม้จะรับสั่งให้ป่าวประกาศลดราคาลงมาเป็น 500 กหาปณะ 250 กหาปณะ 200 กหาปณะ 100 กหาปณะ 50 กหาปณะ 25 กหาปณะ 10 กหาปณะ 5 กหาปณะ 1 กหาปณะ ครึ่งกหาปณะ 1 บาท 1 มาสก 1 กากนิก ตามลำดับ ก็ไม่มีใครประสงค์จะซื้อ ในที่สุดแม้จะรับสั่งให้ตีกลองโฆษณาว่า “จงเอาไปเปล่าๆก็ได้” ก็ไม่มีใครแสดงตัวต้องการจะซื้อ เมื่อพระเจ้าพิมพิมพิสารกราบทูลเรื่องนี้แก่พระศาสนาแล้ว พระศาสดาจึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงดูมาตุคามซึ่งเป็นที่รักของมหาชน ในกาลก่อน ชนทั้งหลายในพระนครนี้แล ให้ทรัพย์พันหนึ่งแล้ว ได้อภิรมย์วันหนึ่ง บัดนี้ แม้ผู้จะรับเอาเปล่าๆก็ไม่มี รูปเห็นปานนี้ ถึงความสิ้นและความเลื่อมแล้ว ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงดูอัตภาพอันอาดูร”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ
อรุกายํ สมุสฺสิตํ
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ
ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติ ฯ
เธอจงดูอัตภาพ ที่ไม่มีความยั่งยืน
และความมั่นคง อันกรรมทำให้วิจิตร
มีกายเป็นแผล อันกระดูก 300 ท่อนยกขึ้นแล้ว
อันอาดูร ที่มหาชนครุ่นคิดแล้วโดยมาก.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง การตรัสรู้ธรรมได้มีแล้วแก่สัตว์ 8 หมื่น 4 พัน แม้ภิกษุรูปนั้น ก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล.
นางสิริมา ตอนที่๒ ภิกษุผู้หลงนางสิริมา
ReplyDelete