เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระสุนทรสมุทรเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า โยธ กาเม เป็นต้น
ในกรุงสาวัตถี มีชายคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทร เป็นบุตรของเศรษฐี มีทรัพย์สมบัติ 40 โกฏิ ต่อมาสุนทรสมุทรนี้ได้ออกบวช และได้ออกเดินทางไปปฏิบัติธรรมในกรุงราชคฤห์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงสาวัตถีประมาณ 45 โยชน์
อยู่มาวันหนึ่ง มีการจัดงานเทศกาลอย่างหนึ่งขึ้นในกรุงสาวัตถี บิดามารดาของพระสุนทรสมุทรคิดถึงบุตรชายมากถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะนึกเสียดายว่าคิดว่าหากบุตรยังไม่บวชก็จะออกไปเที่ยวสนุกสนานในงานเทศกาลนี้ ขณะที่คคนทั้งสองนั่งร้องไห้อยู่นั้น ก็มีหญิงแพศยานางหนึ่งเข้ามาถามถึงสาเหตุที่คนทั้งสองร้องไห้ เมื่อได้ฟังว่าร้องไห้ถึงบุตรชายที่ออกบวชนั้น นางก็ถามขึ้นว่า หากนางสามารถสึกพระลูกชายออกมาครองชีวิตเป็นฆราวาสได้ ทั้งสองคนจะให้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนแก่นาง ทั้งสองคนได้บอกกับนางว่า จะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ นางแพศยาก็จึงขอเงินจำนวนหนึ่งจากคนทั้งสองแล้วก็ออกเดินทางไปที่กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
เมื่อเดินทางถึงกรุงราชคฤห์แล้ว นางก็ได้เช่าปราสาท 7 ชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางที่พระสุนทรสมุทรจะบิณฑบาตผ่าน นางได้ตระเตรียมอาหารดีๆไว้รอพระสุทรสมุทรเถระมาบิณฑบาต ใน 2-3 วันแรกนางได้ยกอาหารมาถวายพระเถระตรงที่ประตูบ้าน แต่ต่อมานางได้นิมนต์พระเถระเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตข้างในบ้าน ในช่วงนี้ นางได้ไปว่าจ้างพวกเด็กๆให้พากันมาเล่นอยู่ข้างนอกบ้านในช่วงเวลาที่พระเถระมารับบิณฑบาต เพื่อที่ว่านางจะหาเลศนัยใช้เป็นข้ออ้างว่ามีพวกเด็กๆมาเล่นกันฝุ่นฟุ้งและส่งเสียงอื้ออึงเมื่อนั่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน สมควรที่พระเถระจะขึ้นไปนั่งอยู่เสียที่ชั้นที่สองของบ้าน เมื่อพระเถระยอมปฏิบัติตามคำนิมนต์นั้นแล้ว หญิงแพศยานั้นก็รีบเข้ามาปิดประตูสั่นดาล แล้วนางก็เริ่มยั่วยวนพระเถระด้วยมารยาหญิง นางได้กล่าวกับพระเถระว่า ท่านก็ยังหนุ่ม ส่วนดิฉันก็ยังสาว เราควรมาเป็นสมีภรรยากัน เอาไว้เมื่อตอนชราจึงค่อยมาบวชเถิด เมื่อพระเถระได้ยินคำพูดของนางแพศยา ก็เกิดความสังเวชใจ ว่าตนหลวมตัวทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะความประมาทเลินเล่อ ในขณะนั้นเอง พระศาสดาประทับนั่งอยู่ในพระเชตวัน ทีห่างไกลจากจุดนั้นประมาณ 45 โยชน์ ทรงเห็นเหตุการณ์ด้วยพระญาณวิเศษ ได้ทรงกระทำความยิ้มแย้มออกมา เมื่อพระอานนทเถระกราบทูลถามถึงสาเหตุของการที่ทรงยิ้มแย้มนั้น ได้ตรัสว่า “อานนท์ สงครามระหว่างภิกษุชื่อสุนทรสมุทร กับหญิงแพศยา กำลังเปิดฉากขึ้น บนปราสาท 7 ชั้น ในกรุงราชคฤห์” พระอานนทเถระทูลถามว่า “ใครจะชนะ ใครจะแพ้” พระศาสดาตรัสว่า “ฝ่ายสุนทรสมุทรจะชนะ ฝ่ายหญิงแพศยาจะแพ้” จากนั้น พระศาสดาได้เปล่งรัศมีไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพระสุนทรเถระ แล้วตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
โยธ กาเม ปหนฺตฺวาน
อนาคาโร ปริพฺพเช
กามภวปริกฺขีณํ
ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ
บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว
เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้
เราเรียกบุคคลนั้น ผู้มีกามและภพสิ้นแล้ว
ว่า เป็นพราหมณ์.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง พระเถระ บรรลุพระอรหัตตผล.
No comments:
Write comments