KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 30, 2017

๘.เรื่องพระนางมหาปชาบดีโคตมี

Posted by   on Pinterest

เรื่องพระนางมหาปชาบดีโคตมี



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระนางมหาปชาบดีโคตมี  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ยสฺส กาเยน  เป็นต้น

พระนางมหาปชาบดีโคตมี  เป็นพระน้านางของพระศาสดา  เมื่อพระนางสิริมหามายาสิ้นพระชนม์  และเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วัน  พระน้านางพระองค์นี้ก็ได้เป็นพระมเหสีเอกของพระเจ้าสุทโธทนะ  ในขณะนั้น  เจ้าชายนันทะพระโอรสแท้ๆของพระนางมีพระชนมายุเพียง 5 วัน  พระนางทรงมอบหมายให้พระพี่เลี้ยงนางนมเป็นผู้อภิบาลพระกุมารแท้ๆของพระนาง  ส่วนพระนางเองได้ทรงเป็นผู้อภิบาลเจ้าชายสิทธัตถะ  ด้วยเหตุนี้พระนางจึงมีอุปการคุณอย่างใหญ่หลวงต่อเจ้าชายสิทธัตถะ

เมื่อพระเจ้าชายสิทธัทธัตถะซึ่งก็คือพระศาสดา  เสด็จกลับสู่กรุงกบิลพัสดุ์ ภายหลังจากได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้วนั้น  พระนางมหาปชาบดีโคตมี  ได้ไปเฝ้าพระองค์เพื่อทูลขอให้หญิงทั้งหลายได้รับพระอนุญาตให้บรรพชาเป็นภิกษุณีได้  แต่พระศาสดาได้ทรงปฏิเสธ  ต่อมาเมื่อพระเจ้าสุทโธทนะเสด็จสู่สวรรคาลัยหลังจากที่ทรงได้บรรลุพระอรหัตตผล  ในขณะที่พระศาสดาประทับอยู่ที่ป่ามหาวันใกล้กรุงไพศาลี  พระนางมหาปชาบดีโคตมี    พร้อมด้วยสตรีอื่นอีก 500  นาง ได้พร้อมใจกันเดินเท้าเปล่าไปเฝ้าพระศาสดาที่ป่ามหาวันนั้น โดยสตรีทุกนางได้ปลงผมและสวมใส่ผ้าย้อมด้วยน้ำฝาดไปด้วย  ในครั้งที่สองนี้ พระนางมหาปชาบดีโคตมีก็ได้กราบทูลพระศาสดาให้ทรงอนุญาตให้พระนางพร้อมด้วยสตรีทั้ง 500 นางบรรพชาเป็นภิกษุณีเหมือนในครั้งแรก แต่ในครั้งนี้ พระอานนทเถระได้เข้าไปช่วยเจรจาช่วยพระนาง  จนพระศาสดาทรงยินยอม  โดยมีข้อแม้ว่า  พระนางพร้อมด้วยสตรีทั้งหมดนั้นต้องรับครุธรรม  8 ประการ   เมื่อพระนางและสตรีเหล่านั้นยอมรับเงื่อนไขนั้น  ก็ได้รับการบรรพชาเป็นภิกษุณี  โดยถือว่าพระนางปชาบดีโคตมีนี้เป็นภิกษุณีรูปแรก  และสตรีอีก 500 นางก็ได้รับการบรรพชาเป็นนางภิกษุณีตามพระบัญชาของพระศาสดา

เมื่อกาลผ่านไป  ภิกษุณีทั้งหลายมีความคิดว่า  พระนางมหาปชาบดีโคตรมี  เป็นภิกษุณีโดยไม่ถูกต้องเพราะไม่มีพระอุปัชฌายะและพระอาจารย์อื่นใด  เป็นการบรรพชาโดยนำผ้ากาสาวพัสตร์มาสวมใส่เท่านั้นเอง  ภิกษุณีทั้งหลายจึงยุติทำอุโบสถ  และทำปวารณากับพระนาง  และได้ไปเข้าเฝ้าพระศาสดา  ยกปัญหาเรื่องพระนางปชาบดีโคตมีได้รับการบรรพชาโดยไม่ถูกต้องเพราะไม่มีพระอุปัชฌายะขึ้นทูลถามพระศาสดา  พระศาสดาตรัสว่า  “ครุธรรม 8 ประการ  เราให้แล้วแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมี  เราเองเป็นอาจารย์  เราเองเป็นอุปัชฌายะของพระนาง  ชื่อว่าความรังเกียจในพระขีณาสพทั้งหลาย  ผู้เว้นจากทุจริตทั้งหลายมีกายทุจริตเป็นต้น  อันเธอทั้งหลายไม่ควรทำ”

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า
ยสฺส  กาเยน  วาจาย
มนสา  นตฺถิ  ทุกฺกฏํ
สํวุตํ  ตีหิ  ฐาเนหิ
ตมหํ  พฺรูมิ  พฺราหฺมณํ  ฯ

ความชั่วทางกาย  วาจา  และใจ
ของบุคคลใด ไม่มี
เราเรียกบุคคลนั้น ผู้สำรวมแล้วโดยฐานะ 3
ว่า   เป็นพราหมณ์.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก   บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

No comments:
Write comments