เรื่องพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ฉินฺท โสตํ ปรกฺกม เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง มีพราหมณ์คนหนึ่ง ได้ฟังธรรมของพระศาสดาแล้ว มีความเลื่อมใสอย่างยิ่งในพระศาสดาและพระธรรมของพระองค์ พราหมณ์นี้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์จำนวน 16 รูปไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้านของเขาเป็นประจำทุกวัน เมื่อภิกษุทั้งหลายไปที่บ้าน เขาก็เรียกพระภิกษุเหล่านี้ว่า “พระอรหันต์” และจะให้ความเคารพนบนอบเป็นอย่างยิ่ง เมื่อภิกษุทั้งหลายถูกเรียกว่าเป็นพระอรหันต์เช่นนั้น ทั้งภิกษุที่ยังเป็นปุถุชนและที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ต่างเกิดความตะขิดตะขวงใจ และไม่ต้องการไปที่บ้านของพราหมณ์นี้ในวันรุ่งขึ้น
เมื่อพราหมณ์ไม่เห็นพระภิกษุไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้าน ก็เกิดความไม่สบายใจ ได้ไปกราบทูลถามถึงสาเหตุที่พระภิกษุทั้งหลายไม่ไป พระศาสดาได้รับสั่งให้ภิกษุเหล่านั้นมาเฝ้าแล้วตรัสถามถึงสาเหตุที่ไม่ไป ภิกษุเหล่านี้ได้กราบทูลว่าที่พวกตนไม่ไปกันนั้นเพราะพราหมณ์ชอบเรียกพวกตนว่าพระอรหันต์ พระศาสดาตรัสถามว่า มีความรู้สึกยินดีหรือไม่เมื่อถูกเรียกว่าเป็นพระอรหันต์อย่างนั้น เมื่อพระภิกษุเหล่านี้กราบทูลว่าไม่มีความยินดี พระศาสดาจึงตรัสว่า พราหมณ์กล่าวเช่นนี้ก็เพราะความที่ตนมีความเลื่อมใสในพระสงฆ์มาก เมื่อภิกษุได้ยินแล้วไม่เกิดความยินดีก็ไม่เป็นอาบัติแต่อย่างใด “เมื่อพราหมณ์เรียกพวกเธอว่าเป็นพระอรหันต์เพราะมีความเลื่อมใสเป็นอย่างมากในพระสงฆ์เช่นนี้แล้ว แม้พวกเธอตัดกระแสตัณหาแล้วบรรลุพระอรหันต์จึงจะสมควร”
จากนั้น พระศาสดาตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม
กาเม ปนูท พฺราหมณ
สงฺขารานํ ขยํ ญตฺวา
อกตญฺญูสิ พฺราหฺมณ ฯ
พราหมณ์ ท่านจงพยายามตัดกระแสตัณหา
จงบรรเทากามทั้งหลายเสีย
ท่านรู้ความสิ้นไปแห่งสังขารทั้งหลายแล้ว
เป็นผู้รู้พระนิพพานอันอะไรๆ ทำไม่ได้นะ พราหมณ์.
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments