KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 30, 2017

๑.เรื่องพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก

Posted by   on Pinterest

เรื่องพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพราหมณ์ผู้มีความเลื่อมใสมาก  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ฉินฺท  โสตํ  ปรกฺกม  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง   มีพราหมณ์คนหนึ่ง   ได้ฟังธรรมของพระศาสดาแล้ว  มีความเลื่อมใสอย่างยิ่งในพระศาสดาและพระธรรมของพระองค์  พราหมณ์นี้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์จำนวน 16 รูปไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้านของเขาเป็นประจำทุกวัน  เมื่อภิกษุทั้งหลายไปที่บ้าน  เขาก็เรียกพระภิกษุเหล่านี้ว่า  “พระอรหันต์” และจะให้ความเคารพนบนอบเป็นอย่างยิ่ง   เมื่อภิกษุทั้งหลายถูกเรียกว่าเป็นพระอรหันต์เช่นนั้น  ทั้งภิกษุที่ยังเป็นปุถุชนและที่เป็นพระอรหันต์แล้ว  ต่างเกิดความตะขิดตะขวงใจ และไม่ต้องการไปที่บ้านของพราหมณ์นี้ในวันรุ่งขึ้น

เมื่อพราหมณ์ไม่เห็นพระภิกษุไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้าน  ก็เกิดความไม่สบายใจ   ได้ไปกราบทูลถามถึงสาเหตุที่พระภิกษุทั้งหลายไม่ไป พระศาสดาได้รับสั่งให้ภิกษุเหล่านั้นมาเฝ้าแล้วตรัสถามถึงสาเหตุที่ไม่ไป  ภิกษุเหล่านี้ได้กราบทูลว่าที่พวกตนไม่ไปกันนั้นเพราะพราหมณ์ชอบเรียกพวกตนว่าพระอรหันต์  พระศาสดาตรัสถามว่า  มีความรู้สึกยินดีหรือไม่เมื่อถูกเรียกว่าเป็นพระอรหันต์อย่างนั้น  เมื่อพระภิกษุเหล่านี้กราบทูลว่าไม่มีความยินดี  พระศาสดาจึงตรัสว่า  พราหมณ์กล่าวเช่นนี้ก็เพราะความที่ตนมีความเลื่อมใสในพระสงฆ์มาก  เมื่อภิกษุได้ยินแล้วไม่เกิดความยินดีก็ไม่เป็นอาบัติแต่อย่างใด “เมื่อพราหมณ์เรียกพวกเธอว่าเป็นพระอรหันต์เพราะมีความเลื่อมใสเป็นอย่างมากในพระสงฆ์เช่นนี้แล้ว  แม้พวกเธอตัดกระแสตัณหาแล้วบรรลุพระอรหันต์จึงจะสมควร”

จากนั้น  พระศาสดาตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

ฉินฺท  โสตํ  ปรกฺกมฺม
กาเม  ปนูท  พฺราหมณ
สงฺขารานํ  ขยํ  ญตฺวา
อกตญฺญูสิ  พฺราหฺมณ ฯ


พราหมณ์  ท่านจงพยายามตัดกระแสตัณหา
จงบรรเทากามทั้งหลายเสีย
ท่านรู้ความสิ้นไปแห่งสังขารทั้งหลายแล้ว
เป็นผู้รู้พระนิพพานอันอะไรๆ  ทำไม่ได้นะ  พราหมณ์.


เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

No comments:
Write comments