KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 19, 2017

๑๑.เรื่องเศรษฐีผู้ไม่มีบุตร

Posted by   on Pinterest

เรื่องเศรษฐีผู้ไม่มีบุตร



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภเศรษฐีผู้ชื่อว่าอปุตตกะ    ตรัสพระธรรมเทศฯนี้ว่า  หนนฺติ  โภคา  ทุมฺเมธํ  เป็นต้น

ในกาลครั้งหนึ่ง   พระเจ้าปเสนทิโกศล  ได้เสด็จไปเฝ้าศาสดา  และได้กราบทูลว่า   ที่พระองค์เสด็จมาช้านั้น  ก็เพราะเมื่อเช้านี้  คฤหบดีผู้เป็นเศรษฐี  ในกรุงสาวัตถี  เป็นผู้ไม่มีบุตร    ได้เสียชีวิต  หาทายาทมิได้  ท้าวเธอจึงได้รับสั่งให้ขนทรัพย์สมบัติไปเก็บไว้ในราชสำนัก  จากนั้นท้าวเธอได้กราบทูลถึงประวัติของเศรษฐีผู้นี้ว่า  แม้ว่าจะเป็นเศรษฐี  แต่เป็นคนตระหนี่   เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น  ไม่เคยทำบุญให้ทาน  ไม่ยอมจับจ่ายใช้สอยทรัพย์แม้เพื่อตนเอง  อาหารที่รับประทานในแต่ละวันก็มีแต่ข้าวปลายเกรียน  และน้ำผักดอง   เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นเสื้อผ้าราคาถูกๆ  รถที่ใช้โดยสารก็เป็นรถเก่าๆ  เมื่อทรงสดับประวัติของเศรษฐีแล้ว  พระศาสดาได้ตรัสกับพระราชาและประชาชนที่มาชุมนุมเพื่อฟังธรรม  ถึงอดีตชาติของเศรษฐีผู้นี้  ซึ่งแม้ในครั้งนั้นก็เกิดเป็นเศรษฐีเหมือนกัน  ว่า

วันหนึ่ง   พระปัจเจกพุทธเจ้า   ได้มายืนบิณฑบาตอยู่ที่หน้าบ้านของเศรษฐี    เศรษฐีได้บอกภรรยาให้นำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาถวายพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น  ฝ่ายภรรยาคิดว่านานๆครั้งที่สามีจะอนุญาตให้นางให้สิ่งใดหนึ่งหนึ่งแก่ใครๆ   นางจึงได้นำอาหารอย่างดีไปใส่ลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า   เมื่อเศรษฐีเดินกลับมาพบพระปัจเจกพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้มองไปที่บาตรของท่าน   เมื่อเห็นแต่อาหารดีๆอยู่ในบาตร  ก็คิดว่า  “ พวกทาสหรือพวกกรรมกรกินอาหารนี้ยังดีกว่า  เพราะว่า พวกเขา ครั้นกินอาหารนี้แล้ว  จะทำการงานให้เรา  ส่วนสมณะนี้  ครั้นไปกินแล้ว  ก็จะนอนหลับ  อาหารบิณฑบาตของเราสูญเปล่า”  นอกจากนั้นแล้ว เศรษฐีผู้นี้มีน้องชายซึ่งเป็นเศรษฐีเหมือนกัน  ต้องการจะแย่งชิงสมบัติของน้องชายมาเป็นของตนทั้งหมด  จึงได้วางแผนฆ่าบุตรชายของน้องชายซึ่งเป็นหลานแท้ๆของตนจนเสียชีวิต  และเมื่อน้องชายเสียชีวิตแล้ว  ก็ได้ยึดทรัพย์ทั้งหมดของน้องชายมาเป็นของตน

เพราะกุศลกรรมจากการที่ได้ถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า  ทำให้เขาได้เป็นเศรษฐีในชาติปัจจุบัน  แต่เพราะอกุศลกรรมคือนึกเสียใจที่ภรรยาได้ให้อาหารดีๆแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า  ทำให้เขาไม่ต้องการจ่ายทรัพย์ใดๆเพื่อตัวเขาเอง  และเพราะผลของอกุศลกรรมที่ฆ่าหลานชายเพื่อฮุบสมบัติ  ทำให้เขาไปตกนรกอยู่ เป็นเวลานานแสนนาน  และเพราะผลกรรมที่เหลือ  ทำให้เขาถูกยึดทรัพย์สมบัติไปเป็นของหลวง  พฤติกรรมของเศรษฐีเข้าทำนองที่ว่า  บุญเก่าหมดไป และบุญใหม่ไม่สั่งสม  และเมื่อสิ้นชีวิตก็ได้ไปเสวยทุกข์ในมหาโรรุวนรก

พระเจ้าปเสนทิโกศล   ทรงสดับพระดำรัสของพระศาสดาแล้ว  จึงกราบทูลว่า  “พระเจ้าข้า  น่าอัศจรรย์  นี้เป็นกรรมอันหนัก  เศรษฐีนั้น  เมื่อโภคะมีอยู่มากมาย  แต่ไม่ใช้สอยด้วยตนเองเลย  เมื่อพระพุทธเจ้าเช่นกับพระองค์  ประทับอยู่ในวิหารใกล้ๆ  ก็มิได้ทำบุญกรรม”

พระศาสดาตรัสว่า   “จริงอย่างนั้น  มหาบพิตร  ชื่อว่าผู้มีปัญญาทราม  ได้โภคะทั้งหลายแล้ว  ย่อมไม่แสวงหานิพพาน  อนึ่ง  ตัณหาซึ่งเกิดขึ้นเพราะอาศัยโภคะทั้งหลาย  ย่อมฆ่าคนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน”

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

หนนฺติ  โภคํ  ทุมฺเมธํ
โน  จ  ปารคเวสิโน
โภคตญฺหาย  ทุมฺเมโธ
หนฺติ  อญฺเญว  อตฺตนํ ฯ

โภคะทั้งหลาย  ย่อมฆ่าคนทรามปัญญา
แต่ไม่ฆ่าคนผู้แสวงหาฝั่งโดยปกติ  คนทรามปัญญา
ย่อมฆ่าตนเหมือนฆ่าคนอื่น
 เพราะความทะยานอยากในโภคะ.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

No comments:
Write comments