KEATHADHAMMABOTHTHAI

nousambath855@gmail.com

เรียบเรียงโดย จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ keathadhammaboththai.blogspot.com

อ่านเรื่องในคาถาธรรมบท ๓๐๒ เรื่อง บล็กนี้เรียบเรียงโดย ภิกฺขุ จงฺกมรกฺขิโต นู สมบัติ ขออนุโมทนาบุญทุกย่าง ! Email: nousambath855@gmail.com

July 16, 2017

๘.เรื่องภิกษุมีภัณฑะมาก

Posted by   on Pinterest

เรื่องภิกษุมีภัณฑะมาก



พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน  ทรงปรารภภิกษุผู้มีภัณฑะมาก  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า   น  นคฺคจริยา  เป็นต้น

ในสมัยหนึ่ง  ที่กรุงสาวัตถี  มีเศรษฐีอยู่ผู้หนึ่ง  หลังจากที่ภรรยาเสียชีวิตแล้ว  เศรษฐีนี้ได้ไปบวชเป็นภิกษุ  แต่ก่อนจะเข้ามาบวชเป็นภิกษุ  เศรษฐีได้ให้คนสร้างวัดและสร้างครัวและห้องเก็บสิ่งของไว้ในวัดด้วย  เมื่อบวชแล้วพระเศรษฐีก็ได้ให้คนขนเฟอร์นิเจอร์  เครื่องครัว  ข้าวเปลือก  น้ำมัน  เนยแข็ง  และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย  มาไว้ที่วัด แม้แต่เวลาจะฉันอาหารพระเศรษฐีก็มีคนใช้ตระเตรียมให้ฉัน  สรุปว่า ถึงแม้ว่าจะเข้ามาบวชเป็นพระแล้วพระเศรษฐีก็ยังดำเนินชีวิตฟุ่มเพือยแบบเดียวกับเมื่อตอนที่ยังครองเรือนอยู่  และเพราะมีสิ่งของติดตัวมาบวชมากมายพระเศรษฐีจึงมีชื่อเรียกว่า  พหุภัณฑิกะ(ภิกษุมีภันฑะมาก)  อยู่มาวันหนึ่ง พวกภิกษุอื่นได้นำตัวพระเศรษฐีไปเฝ้าพระศาสดา  และได้กราบทูลเรื่องที่พระเศรษฐีมีสิ่งของมากมายติดมาอยู่ในวัด  และมิหนำซ้ำก็ยังใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยในแบบของผู้ครองเรือนเสียอีกด้วย  พระศาสดาได้ตรัสกับพระเศรษฐีว่า  “ภิกษุ  เราแสดงธรรมเพื่อความเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย  เพราะเหตุใดเธอจึงเป็นผู้มีสิ่งของมากอย่างนี้เล่า”  พระเศรษฐีโกรธที่ถูกพระศาสดาตำหนิ   ได้กราบทูลด้วยความว่า  ข้าพระพุทธเจ้าจะดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ ว่าแล้วก็เปลื้องจีวรออกจากกายมีเฉพาะผ้าสบงติดตัวอยู่ผืนเดียว  แล้วไปยืนอยู่ในท่ามกลางบริษัท 4  พระศาสดาเมื่อทรงเห็นเช่นนั้น ก็ตรัสว่า  “ภิกษุ  ในกาลก่อน  เธอแสวงหาหิริและโอตตัปปะ  แม้ในกาลเป็นรากษสน้ำ  ก็แสวงหาหิริโอตตัปปะอยู่ถึง 12 ปี มิใช่หรือ?  บัดนี้  เธอบวชในพุทธศาสนา ที่เคารพอย่างนี้  แล้วเปลื้องผ้าห่มละหิริและโอตตัปปะ  ยืนอยู่ในท่ามกลางบริษัท 4  เพราะเหตุใด?”

พระเศรษฐีได้ยินดำรัสของพระศาสดาเช่นนั้น  ก็กลับได้สติ  รีบห่มจีวร  ถวายบังคมพระศาสดาแล้วนั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง   พระภิกษุทั้งหลายได้กราบทูลให้พระศาสดาเล่าเรื่องบุรพชาติของพระเศรษฐี  พระศาสดาจึงตรัสเล่าเรื่องในอดีตชาติในรูปของชาดกเรื่องหนึ่ง  และตรัสกับพระเศรษฐีว่า “ ภิกษุ  ในกาลก่อน  เธอแสวงหาเทวธรรม  ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะเที่ยวไปอย่างนั้น  บัดนี้ เธอยืนอยู่ในทำนองนี้ ในท่ามกลางแห่งบริษัท 4  กล่าวอยู่ต่อหน้าเราว่า ฉันมีความปรารถนาน้อย  ชื่อว่าได้ทำกรรมอันไม่สมควรแล้ว  เพราะว่า  บุคคลจะชื่อว่าเป็นสมณะ  ด้วยเหตุสักว่าห้ามผ้าสาฎกเป็นต้นก็หามิได้”

จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

น  นคฺคจริยา  น  ชฏา  น  ปงฺกา
นานาสกา  ตณฺฑิลสายิกา  วา
รโชชลฺลํ  อุกฺกุฏิกปฺปธานํ
โสเธนฺติ  มจฺจํ  อวิติณฺณกงฺขํ  ฯ

การประพฤติเป็นคนเปลือย
ก็ทำสัตว์ให้บริสุทธิ์ไม่ได้
การเกล้าชฎาก็ไม่ได้
การนอนเหนือเปือกตมก็ไม่ได้
การไม่กินข้าวก็ไม่ได้
การนอนบนแผ่นดินก็ดี
ความเป็นผู้มีกายหมักหมมด้วยธุลีก็ดี
ความเพียรด้วยการนั่งกระหย่งก็ดี
แต่ละอย่าง  หาทำสัตว์ผู้ยังไม่ล่วงสงสัยให้บริสุทธิ์ได้ไม่.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นมาก  บรรลุโสดาปัตติผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น.

No comments:
Write comments