เรื่องพระสารีบุตรเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระสารีบุตรเถระ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 97 นี้
ภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตรจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ประมาณ 30 รูป เดินทางมาเฝ้าพระศาสดาที่วัดพระเชตวัน และพระศาสดาทรงทราบว่า ภิกษุเหล่านี้มีศักยภาพที่จะได้บรรลุพระอรหัตตผล ดังนั้นพระองค์จึงได้ตรัสเรียกพระสารีบุตรมาตรัสถามปัญหาต่อหน้าพระภิกษุเหล่านั้นว่า “สารีบุตรเธอเชื่อไม่ว่า อินทรีย์คือศรัทธา อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมหยั่งถึงอมตะ มีอมตะเป็นที่สุด” พระสารีบุตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า เรื่องของการบรรลุพระนิพพานด้วยการเจริญอินทรีย์ทั้งหลายนี้ ข้าพระองค์ไม่เชื่อว่า โดยการเจริญอินทรีย์ทั้งหลาย จะทำให้บุคคลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้นี้ มิใช่เพราะมีศรัทธาต่อพระองค์ มีแต่ผู้ที่มิได้รู้แจ้งเห็นจริงเท่านั้น ถึงจะยอมรับข้อเท็จจริงจากผู้อื่น” คำตอบของพระสารีบุตรไม่เป็นที่เข้าใจของภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่านั้นคิดว่า “พระสารีบุตรมีทิฏฐิที่ผิด แม้แต่บัดนี้ก็มิได้มีศรัทธาต่อพระศาสดา”
พระศาสดาทรงอธิบายความหมายที่แท้จริงของคำตอบของพระสารีบุตรแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า “ภิกษุทั้งหลาย คำตอบของสารีบุตรก็คือว่า สารีบุตรเชื่อว่านิพพานสามารถบรรลุได้โดยวิธีการเจริญอินทรีย์ทั้งหลาย แต่ที่เชื่อเช่นนี้เนื่องจากการรู้แจ้งด้วยตัวเองและมิใช่เพราะตถาคตกล่าวหรือใครๆกล่าว สารีบุตรมีศรัทธาในผลของกรรมดีและกรรมชั่ว”
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 97 ว่า
อสทฺโธ อกตญฺญู จ
สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร
หตาวกาโส วนฺตาโส
ส เว อุตฺตมโปริโสฯ
ผู้ไม่เชื่อง่าย ผู้รู้นิพพาน
ผู้ทำลายความเชื่อมโยงของสังสารวัฏ
ผู้หมดโอกาสที่จะทำดีทำชั่ว
ผู้หมดกิเลสเป็นเหตุหวัง
ผู้เช่นนี้แลคือยอดคน(พระอรหันต์)
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ภิกษุประมาณ ๓๐ รูป ผู้อยู่ป่าเหล่านั้น บรรลุพระอรหัตพ้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย พระสัทธรรมเทศนายังมีประโยชน์ทั้งแก่มหาชนที่เหลือ.
No comments:
Write comments