เรื่องพระเมฆิยเถระ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่ภูเขาจาลิกา ทรงปรารภท่านพระเมฆิยะ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 32 และพระคาถาที่ 34 นี้
ในขณะนั้น พระเมฆิยเถระเป็นพระอุปัฏฐากพระศาสดา มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากกลับจากบิณฑบาตมา พระ เถระเห็นสวนมะม่วงมีความร่มรื่นและสวยงาม มีความคิดว่าเป็นสถานที่เหมาะที่จะปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน พระเถระได้ทูลขอพระอนุญาตจากพระศาสดาที่จะไป ณ ที่นั้น แต่ด้วยว่าขณะนั้นพระศาสดาประทับอยู่ตามลำพัง พระองค์จึงตรัสว่าให้รออยู่ก่อนจนกว่าจะมีภิกษุอื่นเดินทางมาถึง แต่พระเถระรีบร้อนที่จะไปมาก จึงได้ทูลอ้อนวอนขอพระอนุญาตอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดพระศาสดาตรัสบอกให้ไปได้ตามความปรารถนา
จากนั้นพระเมฆิยเถระได้เดินไปที่สวนมะม่วง แล้วไปนั่งเข้าสมาธิอยู่ที่ใต้ต้นมะม่วงต้นหนึ่ง พระเถระไปนั่งอยู่ที่นั่นทั้งวันแต่จิตของท่านไม่สงบทำให้ไม่มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติสมาธิ ท่านจึงเดินทางกลับในตอนเย็นแล้วทูลให้ศาสดาได้ทรงทราบว่า ตลอดเวลาทั้งวันท่านถูกครอบงำโดยวิตกทั้ง 3 คือ กามวิตก(ความตริในทางกาม) พยาบาทวิตก(ความตริในทางพยาบาท) และวิหิงสาวิตก(ความตริในทางเบียดเบียน)
ดังนั้นพระศาสดาได้ตรัสกะพระเมฆิยเถระว่า จิตดิ้นรน กลับกลอกง่าย บุคคลพึงควบคุมจิตของตนให้ดี
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 33 และพระคาถาที่ 34 ว่า
ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ
ทุรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ
อุชุ กโรติ เมธาวี
อุสุกาโ ว เตชนํฯ
จิตดิ้นรน กลับกลอก
รักษายาก ห้ามยาก
ผู้มีปัญญาทำให้ตรงได้
เหมือนช่างศรดัดลูกศร.
วาริโชว ถเล ขิตฺโต
โอกโมกตอุพฺภโต
ปริผนฺทติทํ จิตฺตํ
มารเธยฺยํ ปหาตเวฯ
จิตนี้ย่อมดิ้นรน
เมื่อถูกนำออกจากกามคุณ
เพื่อจะละบ่วงของมาร
เหมือนกับปลาดิ้นรน
เมื่อถูกยกขึ้นจากน้ำมาไว้บนตก
ดิ้นรนเพื่อจะกลับคืนสู่น้ำอีก.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง พระเมฆิยเถระได้บรรลุพระโสดปัตติผล ส่วนชนเหล่าอื่นเป็นอันทาก ก็ได้บรรลุพระอริยผล มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
No comments:
Write comments